คนที่คิดว่าตัวเองไม่เก่งหรือ ‘An impostor’ ภายหลังถูกวิจัยว่าเป็นเพียงแค่ ‘อาการ’ หรือ ‘ภาวะ’ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อถูกกระตุ้น ไม่ใช่โรคทางจิตเวช (mental disorder) ซึ่งกลุ่มคนที่มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการ ‘คิดว่าตัวเองไม่เก่งจริง’ สามารถเป็นไปได้ทุกเพศ ทุกกลุ่ม โดยมักจะเป็นคนที่มีความสามารถ มีคุณภาพสามารถพัฒนาได้ ทำได้ดีในบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งภายนอกดูเป็นคนเจ๋ง คนเก่งคนหนึ่ง แต่ในหัวกลับชอบคิดว่าตัวเองไม่ได้เก่งจริง ไม่คู่ควรกับคำชมหรือความสำเร็จที่ได้รับอย่างที่คนนอกมองมา และรู้สึกว่าสักวันหนึ่งคนอื่นอาจจะจับได้ว่าตัวเขาไม่ได้เก่งอย่างที่เห็น
สาเหตุของอาการ ‘คิดว่าตัวเองไม่เก่ง’ นั้นมาจากหลายสาเหตุ หนึ่งคือมาจากความไม่มั่นใจในตัวเองเป็นทุนเดิม หรือเป็นคนชอบคิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น และอาจจะมาจากการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะคนไหนที่โตมาในบ้านที่พ่อแม่ไม่เคยชมเลยเมื่อทำอะไรได้ดี ก็อาจจะโตขึ้นมาเป็นคนที่ไม่เชื่อในความสามารถของตัวเองได้ ดังนั้น ไม่ว่าโตขึ้นจะประสบความสำเร็จแค่ไหน คนกลุ่มนี้ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว ยังไม่ดีพอ แทนที่จะภูมิใจในตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น (พบเยอะมากในคนเอเชียด้วยนะ)
คนดังอย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็เคยพูดก่อนตายว่า เขาน่ะรู้สึกว่าตัวเองเป็น ‘Involuntary swindler’ คือคนลวงโลก นักต้มตุ๋น เพราะเขาคิดว่าตัวเองไม่ได้เก่งเหมือนอย่างที่คนอื่นยกย่อง ตัวเขาและงานวิจัยของเขาไม่สมควรได้รับความสนใจมากขนาดนี้ด้วยซ้ำ ! และยังมีคนอีกมากมายทั้งดาราฮอลลีวูด CEO และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก หลายคนได้ออกมายอมรับว่าพวกเขาเคยมีอาการคิดว่าตัวเองไม่เก่งมาแล้ว
ถึงแม้ว่าอาการ ‘คิดว่าตัวเองไม่เก่ง’ จะมาเยี่ยมเราเป็นครั้งคราว ไม่ได้เป็นโรคถาวร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่สร้างผลเสีย เพราะหากคน ๆ หนึ่งเริ่มสงสัยในความสามารถของตัวเองในด้านลบ ก็อาจจะทำให้คน ๆ นั้นไม่ได้พัฒนาตัวเองให้ไปได้ไกลอย่างที่ควรจะเป็น และอาจจะทำให้เป็นคนขี้กังวล คิดมาก ประเมินความสามารถตัวเองต่ำเกินจริง ในอนาคตอาจจะทำให้เปลี่ยนงานบ่อย ได้เงินเดือนน้อยกว่าที่ควร กลัวการอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ กลัวการทำงานกับคนเก่ง ๆ กลายเป็นคนที่เสียโอกาสดี ๆ ในชีวิตและไม่มีความสุขก็ได้
การที่เรามีคนที่สามารถคุยด้วยได้จะทำให้เรารู้สึกเหมือนมีเพื่อน รู้สึกถึงความเป็นพวกเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ‘Mike Cannon-Brookes’ เขาคือ CEO ผู้ก่อตั้ง Trello เมื่อครั้งที่เขาชนะรางวัล Entrepreneur Of The Year ในออสเตรเลีย เขาตกใจมากและมีความรู้สึกว่าเขาไม่สมควรที่จะได้รับรางวัลนี้เลย จนกระทั่งเขาได้พูดความในใจกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน ทั้งคู่ก็รู้สึกเหมือนกันว่าพวกเขาไม่สมควรมานั่งอยู่ตรงนี้เลย การได้พูดออกมาทำให้พวกเขาก้าวผ่านความรู้สึกที่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่สมควรมาอยู่ตรงนี้ได้
Neil Gaiman นักเขียน นักเล่าเรื่องแนวแฟนตาซีที่ประสบความสำเร็จระดับโลกเคยบอกว่า “ผมเคยคิดว่าวันหนึ่งจะมีคนมาเคาะประตูบ้านแล้วบอกว่าทุกอย่างจบแล้ว พวกเขาจับได้ว่าผมไม่ได้เจ๋งจริงแล้วเอารางวัลทั้งหมดที่ได้มากลับไป และถึงเวลาที่ผมจะต้องไปหางานทำจริง ๆ สักที” เพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งที่เจอกับอาการคิดว่าตัวเองไม่เก่ง แต่เเทนที่เขาจะตั้งคำถามกับความสามารถของตัวเอง เขาเลือกที่จะพัฒนาตัวเองมากขึ้น โดยใช้ความกลัวที่ว่าเดี๋ยวคนอื่นจะรู้ว่าเขาไม่ได้เก่ง กลัวจะเป็นคนกากในสายตาคนอื่นเป็นแรงผลักดัน !
อย่างน้อยก็ให้เราภูมิใจว่าตัวเองได้พยายาม ลองถอยออกมาดูภาพกว้าง ลงลึกถึงสิ่งที่เราทำในแต่ละวัน แล้วเราจะเห็นว่าตัวเองคู่ควรแล้วกับความสำเร็จนั้น แทนที่จะพูดว่า ‘ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก’ เวลามีคนชม ลองเปลี่ยนมาพูดว่า ‘ขอบคุณนะ’ เพื่อเปิดใจรับคำชมบ้าง เพราะเรื่องโชคหรือดวงมันก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้เอาเสียเลย ถ้าเราไม่พร้อมหรือไม่มีทักษะเลย ถึงจะมากับดวงแค่ไหนก็ทำไม่ได้ ดังนั้น จงมีความสุขกับความสำเร็จบ้าง ยอมรับคำชมจากผู้อื่นบ้าง และที่สำคัญอย่าหยุดพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ
แหล่งข้อมูล
- What is imposter syndrome and how can you combat it?
- How you can use impostor syndrome to your benefit