การมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ไม่ว่าจะสอดใส่เข้าไปไม่ถึงนาที หรือมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกทั้งคู่ ก็มีความเสี่ยงที่จะติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ทั้งนั้น และนี่คือ 4 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยอดฮิตที่วัยรุ่นไทยเป็นกันมาก
โรคซิฟิลิสเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการสัมผัส เช่น การจูบ การมีเพศสัมพันธ์ การสัมผัสแผล การรับเลือดจากผู้ติดเชื้อ เป็นต้น โรคซิฟิลิสน่ากลัวตรงที่หากไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาไม่ครบตามคำสั่งของแพทย์ เชื้อจะแพร่กระจายเข้าสู่อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หัวใจ สมอง อาจทำให้เกิดอาการหลอดเลือดหัวใจอักเสบ หรือเสียชีวิตได้
ระยะฟักตัวของโรค: โดยเฉลี่ยคือ 2-4 สัปดาห์
อาการของโรค: ระยะแรก - จะมีแผลบริเวณอวัยวะเพศ ลักษณะแผลเรียบสะอาด ขอบแผลแข็ง จับแล้วไม่เจ็บ มักจะเป็นแผลตื้น ๆ และแผลจะหายได้เองในเวลา 1-2 สัปดาห์
ระยะที่สอง - มักจะเกิดหลังจากแผลหายแล้ว 6 สัปดาห์ถึง 6 เดือน โดยจะมีแผลนูนขึ้นที่อวัยวะเพศ มีผื่นขึ้นตามตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย มีไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ และมีอาการผมร่วงเป็นหย่อม ๆ ระยะนี้อาการอาจหายไปเองได้ แต่เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือดทำให้ผลเลือดซิฟิลิสเป็นบวกแล้ว
ระยะที่สาม - มักจะไม่มีอาการของโรค แต่จะตรวจพบเชื้อได้ในกระแสเลือด
โรคหนองในเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ในน้ำอสุจิและสารน้ำในช่องคลอด เชื้อจึงสามารถแพร่ได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางทวารหนัก และทางปาก ทำให้เกิดอาการระคายเคือง รู้สึกแสบขัดเวลาปัสสาวะ และมีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ ถ้าไม่ได้รับการรักษาก็อาจทำให้เป็นหมันหรือมีบุตรยาก
ระยะฟักตัวของโรค: โดยเฉลี่ยคือ 1-14 วัน
อาการของโรค: ผู้ชายจะมีมูกใสไหลออกจากท่อปัสสาวะ โดยมูกใสที่ว่าจะไม่ใช้น้ำปัสสาวะหรือน้ำอสุจิ และจะรู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ รู้สึกปวดที่อัณฑะ และมีการอักเสบที่หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ผู้หญิงจะมีตกขาวผิดปกติ คือมีปริมาณมากขึ้น มีสีเหลืองหรือเขียว รู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ มีอาการปวดท้องน้อย และเลือดออกกะปริบกะปรอย
ส่วนการติดเชื้อที่บริเวณอื่น ๆ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงมักมีอาการคล้ายกัน
• ติดเชื้อที่ทวารหนัก - มีอาการปวดหน่วง หรือมีน้ำคล้ายหนองไหลออกมา
• ติดเชื้อที่ลำคอ - ส่วนมากจะไม่มีอาการ แต่ในคนที่มีอาการมักจะรู้สึกเจ็บคอและต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
• ติดเชื้อที่เยื่อบุตา - มีอาการเจ็บปวด ระคายเคือง และมีหนองที่ดวงตา
โรคหนองในเทียมเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia Trachomatis ซึ่งเป็นแบคทีเรียคนละชนิดกับโรคหนองใน แต่การเพร่เชื้อจะคล้ายกัน คือสามารถแพร่เชื้อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก และทางตา (กรณีมีสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อกระเต็นใส่)
ระยะฟักตัวของโรค: โดยเฉลี่ยคือ 1-3 สัปดาห์
อาการของโรค: ผู้ชายจะมีมูกใสหรือขุ่นไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ มีอาการอักเสบที่หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ และรู้สึกเจ็บหรือแสบเวลาปัสสาวะ บางคนอาจมีอาการบวมหรือปวดที่อัณฑะด้วย ผู้หญิงจะมีตกขาวผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น มักจะรู้สึกเจ็บหรือแสบเวลาปัสสาวะ และรู้สึกคันหรือแสบร้อนบริเวณรอบอวัยวะเพศ บางคนอาจมีอาการเจ็บท้องน้อยเวลามีประจำเดือนหรือขณะมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ส่วนการติดเชื้อที่บริเวณอื่น ๆ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงมักมีอาการคล้ายกัน
• ติดเชื้อที่ทวารหนัก - มีอาการเจ็บปวด มีหนองหรือเลือดไหลออกมา
• ติดเชื้อที่ลำคอ - มีอาการเจ็บคอ ไอ และมีไข้
• ติดเชื้อที่เยื่อบุตา - มีอาการเจ็บปวด และมีหนองที่ดวงตา
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus Ducreyi โรคนี้ภาษาชาวบ้านมักจะเรียกว่า ‘ไข่ดันบวม’ เพราะมีแผลที่อวัยวะเพศ มีอาการบวมและเจ็บ บางคนมีอาการต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบโต หากไม่รักษาหนองจะแตกออกจากต่อมน้ำเหลืองได้
ระยะฟักตัวของโรค: 1 วัน-2 สัปดาห์
อาการของโรค: มีตุ่มนูนแดงขึ้นที่อวัยวะเพศและค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นแผลหนอง แผลจะมีความนูน เห็นขอบแผลชัด แผลมักเป็นสีเหลืองปนเทาไปจนถึงสีเทา มีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณแผล คนที่รักษาโรคนี้ไม่หายขาดจะมีอาการบวมของต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบข้างเดียวหรือทั้งสองข้างได้
ลักษณะอาการที่แตกต่างกันของผู้ชายและผู้หญิง
• ผู้ชายจะมีตุ่มแดงขนาดเล็กขึ้นที่อวัยวะเพศไม่เยอะ โดยมักจะขึ้นที่ปลายหนังหุ้มและอัณฑะ หลังจากนั้น 1-2 วัน ตุ่มแดงที่ขึ้นจะกลายเป็นแผลเปิด และมีอาการเจ็บหรือปวดมากกว่าผู้หญิง
• ผู้หญิงจะมีตุ่มแดงขึ้นมากกว่าผู้ชาย โดยมักขึ้นที่ด้านนอกอวัยวะเพศ ต้นขา ขาหนีบ หรือปากมดลูก และจากตุ่มแดงก็จะกลายเป็นแผลเปิดเช่นเดียวกัน แต่จะมีอาการเจ็บปวดน้อยกว่า มีจำนวนแผลมากกว่าผู้ชาย และในผู้หญิงที่ติดเชื้อบางรายอาจไม่มีอาการอะไรเลย
คำตอบคือใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าอารมณ์หรือสถานการณ์จะเป็นใจแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีถุงยางอนามัยก็อย่าเผลอตัวเผลอใจเชียว เพราะถึงจะสอดใส่เข้าไปแป๊บเดียว สอดใส่เข้าไปแต่ยังไม่หลั่ง ใช้ปากทำออรัลเซ็กซ์ หรือเป็นการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ทั้งหมดที่ว่ามานี้มีโอกาสที่จะติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ทั้งนั้นถ้าไม่ใส่ถุงยางอนามัย หากรู้สึกเขินอายเวลาไปซื้อถุงยางอนามัยที่ร้านสะดวกซื้อ เราก็ขอแนะนำให้ลองสั่งผ่านช่องทางออนไลน์แทน และท่องให้ขึ้นใจเลยว่า ‘No Condom No Sex’
• ถุงยางอนามัยมีวันหมดอายุ คือไม่เกิน 5 ปี นับจากวันผลิต
• ไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในที่ ๆ ร้อนเกินไป เช่น ในรถยนต์ เพราะจะทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
• การสวมถุงยางอนามัย 2 ชั้น ไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน แต่จะยิ่งทำให้ถุงยางเสียดสีและแตกได้
สำหรับคนที่กังวล รู้สึกไม่สบายใจ และมีอาการเข้าข่ายว่าจะติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษา อย่าอาย หรือแอบรักษาเองด้วยวิธีที่ผิด เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็ว อาการของโรคก็จะไม่ลุกลามและสามารถหายขาดได้ และในบางโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หากไม่รีบรักษาก็อาจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เลยนะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
ใส่ถุงยางสองชั้นดีมั้ย แตกนอกจะท้องมั้ย ? และอีกหลายคำถามเรื่องเพศที่วัยรุ่นสงสัย
ยาคุมฉุกเฉินกินยังไงให้ไม่พลาดท้อง
ชีวิตจะเป็นยังไง ถ้าพลาดท้องในวัยเรียน
แหล่งข้อมูล
- Thaihealth Watch 2020 จับตาทิศทางสุขภาพคนไทย ปี 2563 โดย ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ และแผนงานสนับสนุนการบริหารจัดการข้อมูลและเทคโนโลยีสร้างเสริมสุขภาพ สำนักพัฒนาภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล