สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับพ่อแม่และผู้ปกครองบางกลุ่ม ที่ต้องศึกษาและหาสื่อการเรียนการสอน กิจกรรมต่างๆ มาสอนเด็กๆ กันที่บ้าน เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องขาดช่วงในการเรียนเป็นเวลานานเกินไป แต่สำหรับกลุ่มพ่อแม่โฮมสคูล (บ้านเรียน) มันคือสิ่งที่พวกเขาทำกันตลอดเวลา
Homeschool หรือที่เราเรียนกันในภาษาไทยว่า “บ้านเรียน” คืออีกหนึ่งระบบการศึกษา ที่เด็ก ๆ จะเรียนอยู่ที่บ้าน โดยส่วนใหญ่จะมีคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้จัดการเรียนการสอน และออกแบบรูปแบบการศึกษา โดยเน้นที่ความสนใจของตัวเด็กเป็นสำคัญ
คุณณฐพงษ์ เลิศศรี หนึ่งในผู้ปกครองโฮมสคูลได้พูดถึงโฮมสคูลไว้ว่า
“โฮมสคูล หรือ บ้านเรียน ไม่ใช่การเรียนอยู่แต่ในบ้าน พ่อแม่ไม่ได้เป็นครู มายืนสอนลูก (แต่จะสอนเองในวิชาที่ถนัดก็ทำได้) แต่พ่อแม่จะเรียนรู้ ค้นหาบางอย่างไปพร้อม ๆ กับลูก พ่อแม่ เป็น ผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ พ่อแม่ไม่ต้องมีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ก็ได้ แต่ต้องสามารถแนะนำ ส่งเสริม จัดหาให้ลูกได้”
แม้จะได้ชื่อว่า บ้านเรียน แต่พบว่าเด็กโฮมสคูลหลายคน ใช้เวลากับการเรียนนอกบ้าน เช่น การเรียนดนตรี เรียนกีฬา เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปที่ตัวเองสนใจ
กลุ่มเครือข่ายโฮมสคูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook Group เช่น
หรือจะเป็นเว็บไซต์ เช่น
ภายในเครือข่ายจะมีทั้งนักวิชาการและผู้ปกครองโฮมสคูลมาร่วมแชร์ กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอน หรือแนะนำสถานที่ที่เด็ก ๆ สามารถพบปะและร่วมทำกิจกรรม หรือเรียนรู้ไปด้วยกันได้
ระบบการจัดการเรียนการสอนแบบโฮมสคูล ได้รับรองให้เป็นการศึกษาทางเลือกที่ถูกกฎหมายตั้งแต่ พ.ศ. 2542 อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ โฮมสคูลในประเทศไทย อาจจะยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่นักวิชาการโฮมสคูลได้บอกว่า แนวโน้มจำนวนเด็กนักเรียนโฮมสคูลในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี แน่นอน
สมาคมสภาการศึกษาทางเลือก จัดทำเว็บไซต์ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับการจัดทำโฮมสคูลไว้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น คู่มือแนวการปฏิบัติในการขออนุญาตจัดการศึกษาแบบโฮมสคูล, การประเมินผู้เรียนโฮมสคูล, แนวทางการเขียนหลักสูตร, ข้อกฎหมาย, สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รวมไปถึง ข่าวสารและบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับโฮมสคูลอีกด้วย
Twinkl ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนเด็กโฮมสคูลจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มานำเสนอในรูปแบบของ Infographic ที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย โดยเปรียบเทียบจำนวนนักเรียนโฮมสคูลกับจำนวนนักเรียนในระบบของแต่ละประเทศออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์
เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศแล้ว จำนวนเด็กโฮมสคูลในไทย ยังถือว่ามีจำนวนไม่มาก คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อนักเรียนในระบบแล้ว มีเพียงแค่ 0.01% และนี่ก็คือประเด็นสำคัญจากประเทศต่าง ๆ ที่เราได้ค้นพบในระหว่างรวบรวมข้อมูล
“จำนวนนักเรียนโฮมสคูลในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 40% ภายใน เวลา 3 ปี 2015-2018”
(BBC News)
“สำหรับประเทศญี่ปุ่นยังไม่มีกฎหมายรับรองการทำโฮมสคูลอย่างชัดเจน แต่ก็สามารถทำได้โดยไม่ถือว่าผิดกฎหมาย”
(Homeschooling in Japan)
“ไม่ว่าผู้ปกครองโฮมสคูลจะเคยเป็นครู หรือมีความรู้ด้านการสอนมาก่อนหรือไม่ ไม่ได้ส่งผลกับผลการเรียนหรือความสำเร็จของนักเรียนโฮมสคูลเลย”
(National Home Education Research Institute)
“คาดว่าการเรียนการสอนในรูปแบบ Homeschool จะมีเพิ่มขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากผู้ปกครองอาจจะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของบุตรหลานจากโรคภัยไข้เจ็บ มลพิษมลภาวะ และภัยคุกคามอื่น”
(เว็บไซต์ marketeeronline.co)
สำหรับประเทศไทย พรบ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ระบุไว้ว่า นอกเหนือจาก รัฐ เอกชน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และ สถาบันสังคมอื่น มีสิทธิ ในการจัดการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ ให้เป็นไป ตามที่กำหนด ใน กฎกระทรวง การจัดการศึกษาแบบโฮมสคูลจึงได้รับรองทางกฎหมายอย่างชัดเจน
แม้ว่าระบบโฮมสคูลจะเป็นที่นิยม ในประเทศทางตะวันออก แต่ก็มีบางประเทศในยุโรปที่ระบบโฮมสคูลยังไม่มีกฎหมายมารองรับอย่างชัดเจน เช่น เยอรมัน, เนเธอร์แลนด์, กรีซ และ สวีเดน เป็นต้น
ในปัจจุบันการเข้าถึงสื่อการสอนออนไลน์เป็นสิ่งที่ทำกันได้ง่ายมาก มีหลายสถาบันจัดการสอนแบบออนไลน์ แชร์สื่อการเรียนการสอนกันตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่นเดียวกับ Twinkl เราจัดทำ แพคสื่อการสอนโฮมสคูล สำหรับคุณพ่อคุณแม่โฮมสคูลโดยเฉพาะ และแน่นอนว่าการจัดการศึกษาแบบโฮมสคูลมีความยืดหยุ่น ผู้ปกครองสามารถเลือกหลักสูตร, เนื้อหาบทเรียนและสื่อการสอนที่เหมาะสมให้กับเด็ก ๆ ได้ด้วยตัวเอง หลักสูตรที่ได้รับความนิยมคือ English National Curriculum (หลักสูตรของประเทศอังกฤษ), USA Common Core (หลักสูตรของประเทศอเมริกา) และ Australia Curriculum (หลักสูตรของประเทศออกเตรเลีย)