Beauty Privilege หมายถึง การที่คนหน้าตาดีจะมีสิทธิพิเศษหรือได้รับโอกาสเหนือผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น ในการคัดเลือกพิธีกรสำหรับงานโรงเรียน A พูดไม่เก่งเท่า B แต่ A กลับถูกเลือกให้เป็นพิธีกร เพราะ B บุคลิกไม่ดี หน้าตาไม่ดี หุ่นไม่ดีเท่า A เป็นต้น
เราอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ในเฟซบุ๊กมักจะมีเพจเกี่ยวกับคนหน้าตาดี คิ้วท์บอย คิ้วท์เกิร์ลให้เราได้เสพกันแม้จะอยู่คนละโรงเรียน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องยอมรับว่า คนหน้าตาดีต้องได้สิทธิพิเศษมากกว่าคนหน้าตาธรรมดา แต่ของแบบนี้ไม่เจอกับตัวก็คงไม่เข้าใจ เพราะหากคนหน้าตาดีทำอะไรก็ดีไปหมดจนทำให้คนที่มีความสามารถจริง ๆ แต่หน้าตาธรรมดาถูกผลักให้ออกจากวงโคจรเพื่อดันคนหน้าตาดีขึ้นมาแทนที่ แบบนี้คงเป็นปัญหาแน่ ๆ
เพราะในขณะที่เราต้องการความเท่าเทียมกันในทุกด้าน แต่กลับต้องมาทนกับความเหลื่อมล้ำในเรื่องของ Beauty Privilege กลุ่มคนหน้าตาดีที่มักจะได้รับสิทธิต่าง ๆ มากกว่ากลุ่มคนหน้าตาธรรมดา นี่ยังไม่รวมกับการถูกเลือกปฏิบัติจากครูบางคน จากรุ่นพี่บางคน จากเพื่อนบางคนที่มักจะให้ความสนใจ เทคแคร์ดีเป็นพิเศษแต่กับกลุ่มเด็กป๊อป ๆ หน้าตาดีมากกว่าเด็กหน้าตาธรรมดาจนทำให้เด็กหลาย ๆ คนไม่มั่นใจในตัวเองเพราะถูกทำให้ไร้ตัวตนท่ามกลางเด็กหน้าตาดีเข้าไปทุกวัน
การที่กลุ่มคนหน้าตาดีได้รับสิทธิต่าง ๆ มากกว่ากลุ่มคนหน้าตาธรรมดาทั้งที่มีความสามารถเหมือน ๆ กัน อาจจะทำให้คนที่หน้าตาธรรมดา ไม่ได้โดดเด่นอะไรเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเอง จนกระทั่งมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง จากการถูกเลือกปฏิบัติ หรือถูกปฏิเสธจากกิจกรรมที่ตัวเองมีความสามารถ แต่กลับไม่ถูกให้ความสำคัญ และถูกคัดออกไปเพียงเพราะบุคลิกภาพไม่ดีเท่าคนหน้าตาดี เช่น “น้องอ้วนเกินไป ไม่เหมาะจะทำกิจกรรมนี้” “ฟันไม่สวย ไม่ผ่าน” “เตี้ยเกินไป หาเสื้อผ้าให้ยาก” “น้องดำเกินไป แต่งหน้าสวยยาก” “เป็นสิวประกวดร้องเพลงไม่ได้หรอก” “งานนี้ขอคนผมตรงเท่านั้นเพราะทำผมง่ายกว่า” “ดั้งไม่มี มันไม่เด่นอ่ะ” ฯลฯ
• สนับสนุนและเป็นหนึ่งเสียงในการมองคนที่ความสามารถก่อนหน้าตา
• ให้ความสำคัญ ผลักดันความสามารถให้โดดเด่นก่อนหน้าตาเสมอ
• เมื่อถูกปฏิเสธเพราะเรื่องหน้าตาให้คิดบวกว่าเรากำลังอยู่ในสังคมที่ให้สิทธิพิเศษกับคนหน้าตาดีและพยายามเข้าสังคมใหม่ ๆ ที่เหมาะกับเรา
• จำไว้ว่า หน้าตาไม่ได้มีความสำคัญไปมากกว่าวุฒิการศึกษาและสกิล
• พยายามค้นหาจุดแข็งด้านอื่นของตัวเองที่อาจจะพัฒนาไปได้มากกว่าหน้าตา
• อย่าให้ความไม่เท่าเทียมเพียงครั้งเดียวมากลบความสามารถที่แท้จริงของเรา ให้พยายามต่อไป อย่าท้อ
• เราจะรู้ว่าหน้าตาไม่ได้มีผลอะไรเลยเมื่อเราโตขึ้นในโลกของการทำงาน โดยเฉพาะการทำงานกับคนต่างชาติ ต่างประเทศ
• คนหน้าตาดีก็มีปัญหาของคนหน้าตาดีเหมือนกัน เช่น สำนวน ‘คนสวยมักโง่’ ดังนั้นเข้าใจกันมากกว่าจะไปโทษกัน (ปัญหาอยู่ที่คนให้สิทธิพิเศษมากกว่า)
• ‘คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า’ คนสวยที่แท้จริงต้องดูกันให้ลึกถึงจิตใจอย่างที่สำนวนไทยว่าเอาไว้
• ปัจจุบันคนที่มีทัศนคติดีอาจจะมีภาษีดีมากกว่าคนหน้าตาดี
• พยายามดูแลตัวเองให้ดูดีในแบบของเราควบคู่ไปกับฝึกฝนความสามารถให้โดดเด่น
แหล่งข้อมูล
สวยเลือกได้...สบายจริงหรือ