Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Grammar: ทริคง่าย ๆ สังเกตความแตกต่างด้านแกรมม่าระหว่างอเมริกันและบริติช

Posted By Plook Creator | 09 ก.ค. 63
13,984 Views

  Favorite

เนื่องจากภาษาอังกฤษมีทั้งแบบอเมริกันและแบบบริติช ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งด้านการสะกดคำ ไวยากรณ์ การออกเสียง และคำศัพท์ จนบางครั้งทำให้ผู้ที่เรียนหรือจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเกิดความสับสน ดังนั้นลองใช้ ทริคง่าย ๆ เหล่านี้ไว้สังเกตความแตกต่างด้านแกรมม่าระหว่างอเมริกันและบริติชกันค่ะ


ข้อสังเกตที่ 1 :  การใช้ Collective Nouns (คำนามกลุ่ม)

Collective nouns คือ คำนามทั่วไปที่ใช้เรียกบุคคลหรือสิ่งของที่เป็นกลุ่ม, เป็นหมู่คณะ, เป็นพวก เป็นฝูง เช่น team, band, gang, staff, family, committee ซึ่ง Collective nouns จะเป็นได้ทั้งเอกพจน์ (Singular) และพหูพจน์ (Plural) แต่ American และ British English มีการใช้ Collective nouns แตกต่างกันดังนี้

American English ใช้ Collective nouns เป็นเอกพจน์
ตามกฎ Subject-Verb Agreement (ความสอดคล้องระหว่างประธานกับกริยา) ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันแทบจะใช้ Collective nouns เป็นเอกพจน์เสมอ

Ex. Our family enjoys this restaurant. (ครอบครัวของเรามีความสุขกับร้านอาหารนี้)
Ex. The team is heading for practice this afternoon. (ทีมกำลังควบคุมการฝึกซ้อมช่วงบ่ายนี้)

British English ใช้ Collective nouns เป็นพูพจน์
ภาษาอังกฤษแบบบริติชจะใช้ Collective nouns เป็นพหูพจน์เสมอ ดังนั้นคำกริยาจะต้องสอดคล้องกับรูปพหูพจน์ด้วย

Ex. His family are mostly artists and musicians. (ครอบครัวของเขาส่วนใหญ่เป็นศิลปินและนักดนตรี)
Ex. The team are eating with their families tonight. (ทีมกำลังทานอาหารกับครอบครัวของพวกเขาคืนนี้)


ข้อสังเกตที่ 2 : ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะไม่ใช้ Present Perfect Tense มากนัก

American English : ปกติชาวอเมริกันจะใช้ Past Simple Tense เพื่ออธิบายถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาและเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

Ex. I went to the theme park. (ฉันไปสวนสนุก)
Ex. Pim drank my milk. (พิมดื่มนมของฉัน)

British English : บางครั้งชาวอังกฤษจะใช้ Present Perfect แทน Past Simple โดยโครงสร้างประโยคของ Present Perfect คือ S + V. to have (has/have) + V.3

Ex. I have gone to the theme park.
Ex. Pim has drunk my milk.

อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วทั้งอเมริกันและบริติชจะใช้ Present Perfect Tense อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ได้ระบุกรอบเวลา เช่น He has seen that film every day this week. (เขาดูหนังเรื่องนั้นทุกวันในสัปดาห์นี้)  


ข้อสังเกตที่ 3 :  Prepositions ของ Transitive และ Intransitive Verb ในอเมริกันและบริติชจะสลับกัน

Transitive Verbs (VT) เป็นคำกริยาที่ต้องการกรรมตรง (Direct Object) มารองรับเสมอ เช่น to eat, to buy

Ex. I bought a new phone. *new phone เป็นกรรมตรง

Intransitive Verbs (VI) เป็นคำกริยาที่ไม่ต้องการกรรมตรงมารองรับ เช่น to fall, to come แต่จำไว้ว่า Intransitive verbs จะตามด้วย Prepositions และกรรมรองในตอนนั้นเสมอ

Ex. The apple fell from the tree. *from เป็น Preposition, tree เป็นกรรมรอง (Indirect object)

ในหลายกรณีที่ Transitive ใน American English เป็น Intransitive ใน British English และบางครั้ง Intransitive ใน American English เป็น Transitive ใน British ดังนั้นจะเห็นได้ว่าบริติชและอเมริกันใช้ Preposition ในบริบทที่แตกต่างกัน เช่น

American English: He appealed the decision. (Transitive)
British English: He appealed against the decision. (Intransitive)


ข้อสังเกตที่ 4 : การผันกริยาช่อง 2 (Past simple tense) ของอเมริกันเติม –ed, บริติชเติม -t

Past simple tense จะต้องผันกริยาเป็นช่อง 2 หากเป็น Irregular Verbs ต้องท่องจำการผันกริยา แต่คำกริยาปกติในอเมริกันจะเติม –ed ส่วนบริติชจะเติม –t ที่ท้ายคำกริยา เช่น

Infinitive

Verb 2 – American English (-ed)

Verb 2 – British English (-t)

learn

learned

learnt

dream

dramed

dreamt

smell

smelled

smelt


ข้อสังเกตที่ 5 : อเมริกันชนส่วนใหญ่ไม่ใช้ have got

have กับ have got มีความหมายเหมือนกัน แต่ใช้ have จะมีความเป็นทางการมากกว่า สำหรับการใช้ have กับ have got ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและบริติชแตกต่างกันดังนี้

- บริติชใช้ have got เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของหรือครอบครองมากกว่าอเมริกัน
American English : Tom has a sister
British English : Tom has got a sister.

- บริติชใช้ have got เพื่อแสดงความจำเป็นมากกว่าอเมริกัน
American English: I have to go home.
British English: I have got to go home.

ระวัง! อย่าสับสนการใช้ have got ในกรณีเหล่านี้กับ got ที่เป็นช่องที่ 3 ของ get ใน Present Perfect Tense (has/have gotten) ซึ่ง British English ใช้ got เป็นกริยาช่องที่ 3 ในขณะที่ American English ใช้ gotten

American English: My job has gotten better.
British English: My job has got better.


ข้อสังเกตที่ 6 : ใช้ Modal Verbs แตกต่างกัน

Modal Verbs คือ กริยาช่วย ที่มีความหมายในตัวมันเอง เช่น can, could, will, would, shall, should, might, must ซึ่งอเมริกันกับบริติชใช้ Modal Verbs แตกต่างกัน โดย shall, should แทบจะเป็นชาวบริติชใช้เท่านั้น ในขณะที่ชาวอเมริกันจะใช้ will, would แทน


ข้อสังเกตที่ 7 : ตำแหน่งของ Adverb แตกต่างกัน

American English มักเปลี่ยนตำแหน่งของ Adverb อย่างง่ายดาย บางครั้งวางไว้หน้า Verb และบางครั้งก็วางไว้ข้างหลัง

Ex. He walks carefully. / He carefully walks.

British English จะวาง Adverb ไว้หลัง Verb เสมอ

Ex. He walks carefully.


ข้อสังเกตที่ 8 : การใช้ well

American English ใช้ well เป็น adverb ในความหมายว่า “ดี” เท่านั้น ในขณะที่ British English สามารถใช้ well ในความหมายว่า “มาก” ได้ด้วย

American English: He’s a very bad man.
British English: He's a well bad man.
 (เขาเป็นผู้ชายที่เลวมาก)

 


 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 44 Followers
  • Follow