ก่อนการวิ่งทุกครั้งเราต้องมีการอบอุ่นร่างกายก่อนเสมอนะคะ
Warm-up คือการอบอุ่นร่างกายให้เตรียมพร้อมสำหรับการวิ่งก่อน สัก 10-15 นาทีก่อนการวิ่งจริง
Stretching คือการยืดเหยียดส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะขา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บภายหลัง
Cool-down เมื่อวิ่งจนจบแล้ว ไม่ควรล้มตัวลงนั่งพักทันที เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บได้จากการใช้งานมาหนักและไม่ได้ยืดกล้ามเนื้อ ต้องมีการ cool-down ซึ่งก็รวมไปถึงหลาย ๆ วิธีของ stretching ได้เหมือนกัน
และก่อนหน้าการวิ่ง 2-3 วันโดยเฉพาะการวิ่งระยะยาว ต้องมีการกินแป้ง น้ำตาลเยอะ ๆ เพื่อสะสมพลังงานไว้ในร่างกายก่อน เราจะเรียกว่า Carbohydrate loading คือการอัดอาหารตระกูลแป้งเข้าไปเยอะ ๆ นั่นเอง
ในรายการวิ่งแข่ง จะแบ่งออกได้เป็นหลายระยะด้วยกัน
Race คือชื่อรายการแข่งขัน เช่น Tokyo Marathon
Marathon คือการวิ่งระยะ 42.195 KM หรือ 26.2 ไมล์เราอาจเรียกระยะนี้ได้ว่า Full marathon เช่นกัน
Half-marathon ก็คือระยะครึ่งหนึ่งของมาราธอน ที่ 21.0975 KM (หรืองานต่าง ๆ มักใช้ 21 KM) หรือ 13.1ไมล์
Mini-marathon คือระยะครึ่งหนึ่งของ half-marathon ที่ 10.5 KM
5 KM มักจะเรียกกันง่าย ๆ ว่า Fun run โดยบางงานอาจจะมีการวิ่งน้อยกว่า 5 KM ก็ได้
Ultra-marathon คือระยะวิ่งที่มากกว่ามาราธอน หรือโดยมากคือระยะมากกว่า 50 KM
KM เราอาจจะเรียกย่อได้ว่า K (กิโลเมตร)
มาเริ่มเข้าสู่สนามแข่งกันเลย
BIB ป้ายบอกหมายเลขผู้แข่งขัน มักจะเป็นป้าย อาจทำจากกระดาษหรือจากวัสดุที่กันน้ำ ทนทาน ไม่ขาดงาน นักวิ่งต้องติดไว้ที่หน้าอกตลอดระยะเวลาการแข่งเพื่อยืนยันตัวตนค่ะ
Pace คืออัตราความเร็วของการวิ่ง ว่าใช้เวลาไปกี่นาทีสำหรับการวิ่งระยะ 1 กิโลเมตร เช่น Pace 5 คือการวิ่ง 5 นาทีต่อ 1 กิโลเมตร หรือ Pace 7 การวิ่ง 7 นาทีต่อ 1 กิโลเมตร Pace นั้นถ้าแปลตรงตัวคือ ก้าว/ระยะการวิ่ง/ระยะการเดิน Ex. What’s your running pace? (คือคุณวิ่งด้วย เพซเท่าไหร่)
Sub คือการทำเวลาวิ่งให้ได้ต่ำกว่าจำนวนชั่วโมงที่กำหนดไว้ในแต่ละระยะการแข่ง เช่น Sub110K ก็คือวิ่งให้ได้ 10KM โดยห้ามเกิน 1 ชั่วโมง หรือการวิ่งให้ได้ Sub4 ของมาราธอนคือต้องจบให้ได้ห้ามเกิน 4 ชั่วโมง
Pacer คือกลุ่มนักวิ่งที่ลงสนามเพื่อวิ่งเป็นนาฬิกาเคลื่อนที่ เพราะมีอัตราการวิ่งที่เป๊ะมาก ให้ผู้วิ่งคนอื่นได้สังเกตว่า เราวิ่งอยู่ที่อัตราเร็วเท่าไหร่ถ้าเทียบกับ pacer
Heart rate คืออัตราการเต้นของหัวใจ ที่มีหน่วยเป็น bpm (beat per minute)
Check point คือจุดเช็คระยะการวิ่ง ว่าเราทำอัตราเร็วได้ดีเท่าไหร่ และป้องกันการโกงด้วย เช่นวิ่งลัดเส้นทางไม่ผ่าน check point
Interval คือการวิ่งเร็วช้า สลับกันเป็นรอบ ๆ เช่น วิ่งเร็ว running สลับกับวิ่งช้า ๆ jogging โดยแต่ละคนจะมีเทคนิคการ interval ที่ใช้ต่างกันตลอดระยะเวลาแข่ง
Cut-off time ในการวิ่งผ่านแต่ละ check point หรือถึงเส้นชัย จะมีเวลาขั้นต่ำที่กำหนดไว้ว่าห้ามเกินเวลานั้น ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้อยู่ในการแข่งขันต่อ
DNF หรือ Do Not Finish คือการวิ่งไม่จบการแข่งขัน อาจจะเกิดจากการบาดเจ็บของร่างกาย แข่งต่อไม่ไหว หรือการวิ่งที่เกินระยะเวลา cut-off
Finisher คือนักวิ่งที่วิ่งจบจบถึงเส้นชัยได้สำเร็จ
Trophy ถ้วยรางวัล โดยงานวิ่งส่วนใหญ่จะมีการแจกถ้วยให้ finisher ที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับต้น ๆ ในแต่ละอายุ เช่น อันดับที่ 1-3
PR (Personal Record) หรือ PB (Personal Best) คือระยะเวลาวิ่งที่ดีที่สุดของนักวิ่งแต่ละคน
Medal เหรียญรางวัล โดยที่นักวิ่งทุกคนจะได้รับเหรียญรางวัลหลังเข้าเส้นชัย