หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ร่างกายมักกระซิบบอกให้เราบิดขี้เกียจเสมอ การบิดขี้เกียจเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติเมื่อเสียการเคลื่อนไหวและเกิดการตึงของกล้ามเนื้อ นั่นคือสัญชาตญาณที่มีประโยชน์ต่อเราอย่างมาก เนื่องจากขณะที่เรานอนหลับ อัตราการเต้นของหัวใจจะต่ำลง การไหลเวียนเลือดลดลง อีกทั้งการขยับเพียงน้อยนิดในเวลากลางคืน ก็ทำให้กล้ามเนื้อของเรามีการหดเกร็งและตึงตัว ดังนั้น เราจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไรนักในตอนเพิ่งตื่นนอน แต่การบิดขี้เกียจจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น กล้ามเนื้อผ่อนคลาย สมองตื่นตัว และพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมต่อ ๆ ไป
การบิดขี้เกียจในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า "pandiculating" ซึ่งแตกต่างจากการยืดกล้ามเนื้อในภาษาอังกฤษที่ใช้คำว่า "streching" นั่นเป็นเพราะพวกมันมีกระบวนการทำงานที่ต่างกัน
สำหรับการยืดกล้ามเนื้อ ตัวรับความรู้สึกบริเวณกล้ามเนื้อจะส่งข้อมูลไปยังไขสันหลังเพื่อที่จะบอกว่า กล้ามเนื้อนั้นมีการเปลี่ยนแปลงความยาวแล้วนะ ในกรณีนี้กล้ามเนื้อที่ถูกยืดจะยาวขึ้น ไขสันหลังจะตอบสนองโดยการส่งสัญญาณมากระตุ้นกล้ามเนื้อที่ถูกยืดให้หดตัว พร้อมทั้งส่งสัญญาณไปกระตุ้นกล้ามเนื้อที่ทำงานตรงข้ามกันให้ยับยั้งการหดตัว ดังนั้น การยืดกล้ามเนื้อจึงเป็นสาเหตุให้มีการตอบสนองโดยการหดตัวหรือเกร็งกล้ามเนื้อ ซึ่งจะเห็นได้ว่า สมองไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการตอบสนอง จึงไม่ได้เป็นการใช้กล้ามเนื้อ และเราจะรู้สึกตึงและเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อที่ถูกยืดอีกด้วย
ส่วนการบิดขี้เกียจนั้นเป็นการใช้กล้ามเนื้อ โดยมีสมองเข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการทำงานนี้ กล่าวคือ เมื่อเราบิดขี้เกียจแล้วกล้ามเนื้อหดตัว ตัวรับความรู้สึกบริเวณกล้ามเนื้อจะส่งข้อมูลไปยัง Sensory Motor Cortex ในสมอง เพื่อบอกว่า กล้ามเนื้อมีการเปลี่ยนแปลงความยาวนะ แต่กรณีนี้กล้ามเนื้อจะหดสั้นลงและยังทำให้ระดับความตึงในกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเราสามารถเลือกเพิ่มหรือลดระดับของการหดเกร็งกล้ามเนื้อได้ เพราะเป็นการทำงานภายใต้อำนาจจิตใจ และเมื่อการหดเกร็งลดลงอย่างช้า ๆ แล้วกล้ามเนื้อของเราก็จะผ่อนคลายโดยสมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ข้อแตกต่างที่สำคัญของการบิดขี้เกียจและการยืดกล้ามเนื้อ ก็คือ การบิดขี้เกียจเป็นการทำงานผ่านสมอง เชื่อมโยงระหว่าง sensory motor cortex ของสมองกับกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อสามารถรู้สึกได้ชัดเจนและควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อทั้งสองฝั่ง คือ ฝั่งที่หดตัวและคลายตัว ดังนั้น สมองจึงเกิดการเรียนรู้ และสามารถรีเซตความยาวกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปช่วยแก้ปัญหาหรือป้องกันอาการของกล้ามเนื้อตึงเรื้อรังได้ด้วย ส่วนการยืดกล้ามเนื้อ สมองไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการตอบสนอง จึงไม่เกิดการเรียนรู้