ดังนั้น หากพ่อแม่เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นมาก ย่อมเป็นการสร้างความฉลาดให้ลูกมากขึ้นเช่นกัน โดยการเล่นถูกแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภท ตามกระบวนการเรียนรู้ของเด็กในแต่ละด้านดังนี้
คือการเล่นเพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และทางร่างกาย ซึ่งประสาทสัมผัส เป็นพื้นฐานเริ่มต้นของการเรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ เด็กทุกคนใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการพยายามทำความเข้าใจกับโลกรอบตัวและเรียนรู้ เพื่อเก็บข้อมูลและนำมาประมวลผลเพื่อเรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัว ดังนั้น กิจกรรมการเล่น Sensory จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาสมองของเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิด จนเข้าสู่วัยอนุบาล
การเล่นเพื่อกระตุ้นการมองเห็น (ตา)
ในเด็กเล็ก ควรให้ดูแผ่นกระตุ้นสายตาที่มีสีตัดกัน เพื่อกระตุ้นการรับภาพ หากระจกบานใหญ่ให้ลูกได้สำรวจตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจอย่างมากในเด็กเล็ก หาของสีสดใสหลายสีมาให้ดู ซึ่งสามารถต่อยอดไปสู่การสอนเรื่องสีได้
การเล่นเพื่อกระตุ้นการได้ยิน (หู)
ซึ่งการกระตุ้นเรื่องการได้ยิน สามารถทำได้ตั้งแต่ในท้อง โดยการเปิดเพลงเบา ๆ ที่มีจังหวะผ่อนคลาย และเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น ก็ค่อย ๆ เพิ่มจังหวะที่มีความน่าสนใจและหลากหลายมากขึ้น หรือพาลูกออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าน เพื่อชวนฟังเสียงรอบตัว เช่น หมาเห่า, ฟ้าร้อง, เครื่องบิน, นาฬิกาฟังเพลง หรือพ่อแม่อาจชวนลูกร้องเพลง และสนับสนุนให้ลูกเต้นหรือมีท่าทางประกอบไปด้วยก็ได้
การเล่นเพื่อกระตุ้นการดมกลิ่น (จมูก)
เริ่มจากการให้ลูกลองดมสิ่งของใกล้ตัวที่อยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น ผลไม้, ข้าว, นม, ดอกไม้, สบู่ อาจทายโดยนำสิ่งของที่มีกลิ่น มาใส่กล่องทึบให้ดม แล้วทายว่าข้างในคืออะไร
การเล่นเพื่อรับรส (ชิม)
หาสิ่งที่มีรสต่าง ๆ กันให้ลูกได้ลองชิม เช่น มะนาว น้ำตาล เกลือ มะระ เพื่อสอนเรื่อง เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม
การเล่นเพื่อกระตุ้นการสัมผัส
การเล่นเพื่อกระตุ้นการสัมผัส สามารถเริ่มได้ตั้งแต่วัยแบเบาะ โดนหาสิ่งของที่มีพื้นผิว ความแข็งนุ่ม ความร้อนเย็นที่ต่างกัน มาให้จับ ขยำ เล่น และในเด็กเล็กควรเลือกสิ่งที่ไม่อันตรายหากหยิบเข้าปาก เช่น ผลไม้, ข้าว, ขนมปัง, เยลลี่, เส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น
การเล่นเพื่อพัฒนาทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อ (Motor Skills) คือ ทักษะการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
ทักษะพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross Motor Skills)
คือ การเล่นเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ขา ลำตัว ความสามารถในการทรงตัวและเคลื่อนที่ เน้นให้เด็กเรียนรู้การสร้างสมดุลร่างกายให้มีความแข็งแรง มีความทะมัดทะแมง ความคล่องแคล่ว ว่องไวในการเปลี่ยนท่าทาง มีทักษะที่ดีในการเล่นกีฬา ซึ่งเป็นรากฐานของระบบการเรียนรู้ทั้งหมด และเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กพบเห็นสิ่งแวดล้อมและผู้คนใหม่ ๆ
ทักษะพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine Motor Skills)
เป็นการเคลื่อนไหวส่วนของร่างกายที่เล็กกว่า ส่วนใหญ่คือกล้ามเนื้อนิ้วมือ เอ็นข้อต่อต่าง ๆ ที่เรียกว่า กล้ามเนื้อมัดเล็ก ที่เป็นส่วนสำคัญในการเรียนรู้และต่อยอดเนื้อหาวิชาการที่ลูกได้เรียน
1. พาลูกออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อมัดใหญ่
พ่อแม่ควรพาลูกทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การวิ่ง การคลาน การกระโดด หรือพาลูกออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านโดยเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยอยู่ห่าง ๆ เช่น พาลูกไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ให้ลูกได้ปีนป่าย เล่นเครื่องเล่น โยน-รับ-เตะฟุตบอล
2. การทำกิจรรมศิลปะเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อมัดเล็ก
พ่อแม่อาจหากิจกรรมให้ลูกได้ทำเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็ก โดยการให้ลูกได้ขีดเขียน และฝึกการบังคับทิศทาง โดยอาจเริ่มจากการวาดเป็นเส่นต่าง ๆ แล้วค่อย ๆ ต่อยอดเป็นรูปทรง และภาพตามจินตนาการ หลังจากนั้นเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น อาจต่อยอดไปสู่การทำผลงานศิลปะที่มีความยากและมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากขึ้นได้