17,794 Views
Favorite
ซื่อ ๆ ตรง ๆ แบบนี้แหละ เพราะเราเชื่อว่าหลังจากที่คุณดีใจกับเขาเรื่องที่ติดมหา’ลัยดังแต่ไกลจากคุณได้สามวัน คุณก็จะเริ่มเคว้งว่าความสัมพันธ์จะเป็นยังไงต่อ ซึ่งหนังสือฮาวทูเล่มไหน หรือเลิฟโค้ชท่านใดก็ไม่สามารถเมคชัวร์กับใจที่เคว้งคว้างของคุณได้นอกจากแฟนคุณเอง เพราะฉะนั้นคุยกันตั้งแต่ต้นว่าการที่เขากำลังจะไปเรียนคนละมหา’ลัย มันทำให้คุณไม่สบายใจยังไงบ้าง บางทีเขาเองก็อาจจะกำลังไม่สบายใจอยู่เหมือนกันแต่ไม่พูดออกมา ดังนั้น คุณก็เริ่มก่อนไปเลย ไม่เสียหาย แต่ลักษณะการพูดคุยก็ต้องมีศิลป์หน่อยนะ จะไปงอแงใส่เขาก็เอาแต่พอดี พอน่ารัก น่าเอ็นดู แล้วทางแก้ปัญหามันก็จะตามมาอีกเป็นขบวน และคุณเองก็จะสบายใจ
คู่ที่คบกับแฟนตั้งแต่มัธยมจนแต่งงานหลายคู่ลงความเห็นว่า การคุยกันให้ได้ทุกวันสำคัญมาก ซึ่งการคุยที่เขาหมายถึงไม่ใช่แค่แชทไลน์คุยกัน แต่เป็นการพูดคุยกันจริง ๆ ส่วนจะนานแค่ไหนไม่ใช่ประเด็นเพราะพอเข้ามหา’ลัยต่างคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำมากขึ้น จากที่เขาคุยกับคุณแค่คนเดียว เมื่อเข้ามหา’ลัยไกลบ้าน เขาก็ต้องมีเวลาคุยกับคนที่บ้านด้วย เพราะฉะนั้นอย่านอยด์ หาเวลาที่ว่างตรงกันทั้งคู่ แล้วคุยกันวันละ 10-15 นาทีก็ยังดี พยายามถามไถ่ความเป็นไปของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด หยอดกันบ้างให้ใจมันกระชุ่มกระชวย
อย่าพยายามไปเสิร์ชหาฮาวทูแก้นิสัยติดเพื่อนของแฟนเพราะมันไม่เท่ ต้องเข้าใจว่าเขาจะเริ่มมีสังคมใหม่ที่เราไม่คุ้น มีเพื่อนสนิทคนใหม่ที่เรายังไม่รู้จัก อย่าทำให้การที่เขาเจอเพื่อนที่ถูกใจและชอบไปไหนมาไหนด้วยเป็นพิเศษมาเป็นปัญหาสำหรับคุณสองคน ต้องยอมรับว่าบางเรื่องทำกับเพื่อนได้ดีกว่าทำกับแฟน เหมือนประโยคเชย ๆ ที่เราได้ยินแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ทุกทีอย่าง love me, love my dog ซึ่งหมายถึง ถ้าเธอรักฉันก็ต้องรักสิ่งที่ฉันรักด้วย ไม่ว่าเขาจะรักหมา รักแมว รักเพื่อนคนไหนคุณก็ต้องรักตามเขาบ้าง อาจไม่ต้องรู้สึกรักเท่าที่เขารู้สึก แต่ก็ช่วยอินกับเขาหน่อย
มันต้องมีบ้างไอ้ความรู้สึกหึงเวลามีใครมาเกาะแกะแฟน บางวันเลื่อนหน้าฟีดอยู่ดี ๆ เจอใครก็ไม่รู้แท็กแฟนเรามา เพื่อนหลายคนก็แล้วไปไม่มีปัญหา แต่ถ้าแท็กแค่สองคน ตามันจะร้อนเป็นไฟโดยอัตโนมัติ แต่เราอยากให้ใจเย็น ๆ ก่อน อย่าทำอะไรที่มันเกินกว่าเหตุเพียงเพราะเขาไปเจอสังคมใหม่หรือคนใหม่ ๆ เพราะแฟนคุณอาจอึดอัดได้ มาทำความสัมพันธ์ของคุณให้เฮลตี้ดีกว่า แทนที่จะโทรไปเคลียร์เดี๋ยวนั้น ให้ทำแค่กด LIKE เบา ๆ ที่รูปก็พอ ค่อย ๆ เรียนรู้สังคมใหม่ของเขา ถามเขาก็ได้ถ้าคุณอยากรู้ คุณคงไม่โอเคหรอกที่แฟนคุณจะคบแค่คุณ และไม่มีเพื่อนหรือมีสังคมกับคนอื่นเลย
ถ้าคิดว่าคิดดีแล้ว ให้คิดอีกทีเพราะการย้ายไปอยู่ด้วยกันตอนมหา’ลัยไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจะไม่เลิกกัน และมันก็เป็นการแก้ปัญหาที่ฮาร์ดคอร์มากไปหน่อย เพราะหนึ่ง คุณทั้งสองยังไม่พร้อมและมันยังไม่ถึงเวลา หน้าที่หลักตอนนี้คือ เรียนหนังสือ ค้นหาตัวเองเพื่ออนาคต อย่าให้เรื่องรักเลื่อนมาเป็นเรื่องหลักเด็ดขาด และสอง มันเสี่ยงเกินไป เพราะเรื่องท้องวัยเรียนเป็นสิ่งที่ควบคุมยากมาก และถ้ามันเกิดขึ้น เชื่อซิว่า คุณรับผิดชอบไม่ไหว เก็บความคิดที่จะอยู่ด้วยกันเอาไว้ตอนที่ทั้งคู่พร้อมทั้งฐานะและวุฒิภาวะดีกว่า ตอนนี้ให้ความคิดที่จะย้ายไปอยู่ด้วยกันเป็นแผนระยะย๊าวยาวไปก่อนน๊า
เมื่อเข้ามหา’ลัยบางคู่อาจเปลี่ยนสถานะจากแฟนกลับไปเป็นโสด แต่โสดแบบ Single together อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคู่ เพราะความสัมพันธ์แบบนี้คือ การกลับไปใช้ชีวิตเหมือนก่อนหน้าที่ยังไม่รู้จักกันทุกอย่าง แต่ในขณะเดียวกันก็ทำเรื่องของเราสองคนไปด้วย นั่นหมายความว่าคุณจะมีอิสระเต็มที่ที่จะทำทุกอย่างโดยปราศจากความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยของอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องมานั่งรายงานใคร แต่อาจนัดเจอกันหรือโทรหากันบ้าง เพราะ Single together คือการรักษาความสัมพันธ์ในกรณีที่ต่างคนต่างยุ่งมาก ๆ แต่เมื่อถึงเวลาที่สามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้ พวกเขาก็จะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม
