เรื่องราวของโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ระนอง ที่ในอดีตเคยเป็นเรือนจำเก่ามาก่อน แม้ทางโรงเรียนจะทำบุญหลายครั้ง แต่ก็ยังมีเหตุการณ์หลอน ๆ เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน อย่างเรื่องนี้ นักเรียนคนหนึ่งไปเข้าห้องน้ำหญิงชั้น 7 ของตึกอาคารเรียน A ในขณะที่เข้าห้องน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงเหมือนโซ่ลากกับพื้นห้องน้ำไปมา จึงได้ตะโกนถามว่าใคร ตอนนั้นก็คิดว่าเป็นแม่บ้านมาทำความสะอาดแน่ ๆ ระหว่างที่เข้าห้องน้ำเสียงนี้ก็ยังดังอยู่ตลอด จนเปิดประตูห้องน้ำ ภาพที่เห็นข้างหน้าคือ เงาดำรูปร่างคล้ายคนกำลังเดินลากโซ่แบบโซ่ตรวนนักโทษ เดินตรงเข้ามาหา และเงานั้นก็ทะลุผ่านประตูห้องน้ำไป เธอจึงร้องสุดเสียงและวิ่งออกมาหาเพื่อนในห้องเรียน แล้วเป็นลมล้มพับไปเลย
เรื่องสยองของโรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง ที่มีห้องนาฏศิลป์ถูกปิดตาย โดยมีไม้หนา ๆ ปิดเป็นรูปกากบาทไว้เพื่อไม่ให้ใครเข้าไป แต่ยิ่งทำแบบนี้เด็ก ๆ ในโรงเรียนก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นว่าข้างในมีอะไร จนมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งพยายามไปงัดแงะ หาช่องเล็ก ๆ ระหว่างไม้เพื่อจะส่องดูว่าข้างในห้องมีอะไร ซึ่งมีนักเรียนคนหนึ่งเห็นเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น พอมองดี ๆ ก็ทำให้รู้ว่า นั่นคือ ‘หัวโขน’ แต่ไม่ใช่หัวโขนธรรมดา เพราะหัวโขนนั้นเต็มไปด้วยเลือด ลอยไปลอยมาอยู่รอบ ๆ ห้อง ทำเอาคนที่เห็นขาแข็งวิ่งไม่ออก จะร้องก็ไม่มีแรง และด้วยความเฮี้ยนของห้องนาฏศิลป์นี้ ทำให้ไม่มีใครกล้าไปยุ่งอีกเลย ปัจจุบันโรงเรียนวัดแห่งนี้ได้ถูกปิดไปแล้ว
โรงเรียนมัธยมชื่อดังใจกลางเมืองแถวสยาม มีเรื่องเล่าที่ถูกส่งต่อรุ่นสู่รุ่นว่า โรงยิมของโรงเรียนสร้างทับสุสานเก่า ซึ่งชั้นบนสุดของโรงยิมนี้ ก็เคยมีเด็กขึ้นไปเล่นแล้วพลาดตกลงมาตาย ตั้งแต่นั้นมาชั้นบนสุดของโรงยิมก็ปิดไปสักพัก และที่สยองกว่านั้นคือ เวลาไปเรียนพละที่ตึกนี้ หลายคนมักจะโดนผีอำ คือกำลังเรียน ๆ แล้วก็ตัวแข็ง ขยับไม่ได้ ไม่รู้สึกตัวซะอย่างนั้น
ส่วนอีกเรื่องสยองในโรงเรียนนี้คือ ห้องน้ำในอาคารอเนกประสงค์นั้นสร้างตรงกับทางสามแพร่งพอดี มีนักเรียนหลายคนมักเจอเรื่องแปลก ๆ ในห้องน้ำ อย่างกำลังก้มหน้าล้างมือก็รู้สึกว่ามีคนเดินผ่าน แต่พอเงยหน้ามากลับไม่มีใครเข้าห้องน้ำ เป็นที่ฮือฮาจนเวลาจะไปเข้าห้องน้ำต้องชวนกันไปเป็นกลุ่ม เพราะทางตรงนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นทางผีผ่านนั่นเอง
เรื่องราวของโรงเรียนที่ตั้งอยู่ฝั่งธนบุรี ชื่อโรงเรียนมีทั้งหมด 5 พยางค์ ประวัติของโรงเรียนคือ ทางวัดมอบที่ดินให้สร้างเป็นโรงเรียน โดยที่เดิมเคยเป็นป่าช้าเก่ามาก่อน เรื่องสยองเกิดขึ้นที่อาคาร 4 ชั้น บริเวณอาคารเคยเป็น ‘กูดัง’ มาก่อน คือสถานที่เก็บศพที่เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม เรื่องเกิดขึ้นในวันประชุมคณะครูอาจารย์ของโรงเรียน ตอนนั้นเป็นเวลา 6 โมงเย็น การประชุมยังดำเนินไปเรื่อย ๆ และระหว่างที่ครูกำลังฟังสรุปการประชุมในช่วงสุดท้าย จู่ ๆ ก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นในลำโพงห้องประชุม เป็นเสียงร้องไห้โหยหวน และมีเสียงคนพูดว่า โอ๊ย..เจ็บ ทางเจ้าหน้าที่โสตได้เช็กอุปกรณ์ก็ยืนยันว่า ไม่มีทางที่จะมีเสียงแทรกเข้ามาได้ เพราะบริเวณนั้นไม่มีใคร และมีไมค์ที่เปิดใช้แค่ตัวเดียว งานนี้ทำเอาคณะครูจบการประชุมในทันที เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าที่แห่งนี้เคยเป็นอะไรมาก่อน
เรื่องนี้ทั้งหลอนและน่าสงสาร เป็นเรื่องสยองที่รุ่นพี่มักจะเล่าให้รุ่นน้องฟัง ใบ้ให้ว่าเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดชื่อดังแห่งหนึ่งที่มีอายุ 110 ปี นักเรียนชายกลุ่มหนึ่งต้องอยู่ทำรายงานให้เสร็จ ตอนนั้นเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่า ซึ่งถือว่าดึกมากเพราะในโรงเรียนไม่มีคนอยู่แล้ว ก่อนจะกลับบ้าน ป้อม (นามสมมติ) ขอแวะเข้าห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดคือห้องน้ำหญิง ด้วยความที่โรงเรียนปิดไฟหมดแล้วเขาเลยจำใจต้องเข้า ระหว่างที่เข้าห้องน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องโหยหวนทรมานมาก และตรงประตูห้องน้ำก็มีเสียงคนเอามือมาขูดขึ้นลงแบบขอความช่วยเหลือ ป้อมตกใจมาก ตะโกนเรียกเพื่อนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำหลายครั้ง แต่ไม่มีใครตอบกลับ เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูและวิ่งออกไปแบบไม่คิดชีวิต
พอวิ่งออกมาก็พบว่าเพื่อนอยู่ในห้องทำรายงานกัน ทุกคนยืนหน้าซีดและมีสีหน้าไม่ค่อยดี ไม่มีใครพูดอะไรระหว่างเดินลงมาจากตึก จนเดินออกมาจากโรงเรียน เพื่อนคนหนึ่งก็ได้ขอโทษป้อมที่ทิ้งเขาไว้ในห้องน้ำคนเดียว และเล่าให้ฟังว่าทุกคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ดังมาก จนไม่กล้ายืนหน้าห้องน้ำกันหมด เช้าวันต่อมา ป้อมเลยไปถามรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว ได้ความว่า หลายปีก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งมาทำงานค้างช่วงปิดเทอม แล้วปวดฉี่จึงไปเข้าห้องน้ำ ยามคิดว่าไม่มีเด็กในโรงเรียนแล้ว เลยล็อคกุญแจห้องน้ำ ซึ่งช่วงนั้นเพิ่งเริ่มปิดเทอมได้ไม่กี่วัน ทางครอบครัวก็ตามหาตัวรุ่นพี่ ไปแจ้งความก็ยังหาไม่เจอ จนเปิดเทอมยามไปเปิดห้องน้ำก็พบศพรุ่นพี่คนนั้น นั่งติดกับประตูห้องน้ำ โดยมีรอยเล็บข่วนประตูเต็มไปหมด ซึ่งห้องน้ำนี้จะเป็นที่รู้กันดีในหมู่นักเรียนหญิงว่า อย่าเข้า โดยเฉพาะตอนกลางคืนใครเดินผ่านก็จะเจอดีตลอด