หลายคนบ๊ายบายความทรมานจากการอกหักได้ด้วยการออกกำลังกาย ที่ฮิต ๆ ก็คงจะเป็น “วิ่ง” เพราะมันง่าย แถมเวลาวิ่งถ้าร้องไห้ก็ไม่มีใครเห็น ด้านวิทยาศาสตร์ก็ยังบอกว่า เมื่อออกกำลังกายเสร็จร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขออกมา ทำให้เราเครียดน้อยลง แถมแจ่มใสขึ้น นอนหลับสบาย สรุปง่าย ๆ คือเหนื่อยกายมันดีกว่าเหนื่อยใจนะ มาวิ่งให้เหงื่อมันออกจนหมดตัว ร่างกายจะได้ไม่เหลือน้ำเอาไว้เป็นน้ำตา !
บางคนจะหาว่าดราม่าไปหรือเปล่า อกหักแค่นี้ต้องอันเฟรนด์แฟนเก่าเลยเหรอ หรือบางคนก็ทำเป็นเข้ม คิดว่าตัวเองไหวพอที่จะมีชีวิตอยู่ร่วมโลกโซเชียลมีเดียกับเขา ขอบอกเลยว่าอย่าลองใจตัวเองด้วยวิธีนี้ คุณใจไม่แข็งพอหรอก เพราะเราค่อนข้างมั่นใจว่าคุณจะต้องมือลั่นทักแชทหาเขาตอนดึกแน่ ๆ และเชื่อเถอะว่าคุณจะมานั่งเสียใจทีหลัง เพราะเขาจะไม่ตอบกลับมาหรอก เราขอแนะนำอันเฟรนด์ไปทีเดียวจะได้จบ ๆ
เวลาอกหักต้องมีคนคอยรับฟังอย่างน้อย 1 คน ซึ่งคือคนที่เราสามารถเล่าเรื่องของเราและไอ้คนนั้นให้เขาฟังได้แบบหมดเปลือก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงี่เง่าแค่ไหนก็อย่าอายที่จะเล่า ถ้ามันคือความจริง อย่าไปจมกับความรู้สึกเศร้าคนเดียว เพราะมันมีวิธีที่ดีกว่านั้น ยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ และเล่าให้ใครสักคนฟัง อย่าอายที่ความสัมพันธ์มันจบลงไม่สวย ไม่ว่าเขาจะนอกใจคุณ หรือคุณไปกันไม่รอด เล่าให้ใครสักคนฟัง การมีคนรับฟังจะเป็นตัวช่วยที่ดีมากในเวลานี้
ฟังเพลงเศร้าได้แค่อาทิตย์แรก แล้วร้องไห้ซะให้พอ เมื่อพ้นฉากหนุ่มสาวเศร้าโศกแล้วก็ให้ลบเพลย์ลิสต์พวกนั้นทิ้งซะ ได้เวลาหันไปฟังเพลงเศร้าที่ฉลาดแล้วเริ่มต้นใหม่ ซึ่งเขาว่ากันว่าเพลงมีผลต่อสภาพจิตใจของคนเรา ดังนั้นเราแนะนำให้เข้าฟังใจ เลือกพวกเพลย์ลิสต์อารมณ์หรือตามธีม เช่น ผัวไม่อยู่, จงเติบโต, การเปลี่ยนแปลง และเพลงแจ่มใส เป็นต้น เพื่อให้หัวใจได้พบกับความซาบซ่า ด้วยมวลมหาเพลงเพราะเสนาะรูหู ที่จะเติมเต็มความสดใสให้หัวใจได้ชุ่มฉ่ำ
ตอนนี้ใจยังคงไม่แข็งแรงพอจะปักหมุดเป้าหมายใหญ่ ๆ ได้ เราแนะนำให้ตั้งเป้าหมายวันต่อวัน เช่น เลิกเรียนจะช่วยแม่ทำกับข้าว, ไปซื้อขนมหวานก่อนเข้าบ้าน, ออกกำลังกายก่อนนอน 10 นาที, อ่านหนังสือให้ได้ 5 หน้า, ตอนเย็นจะนวดขาให้พ่อ, วันนี้อาบน้ำให้หมา, ท่องศัพท์ภาษาอังกฤษให้ได้ 5 คำ ฯลฯ อะไรก็ได้ที่ทำได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมันก็ต้องฝืนทำกันหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ดีกว่าทำตัวว่างสร้างบรรยากาศให้ตัวเองยิ่งเศร้าแล้วก็เอาแต่นั่งเพ้อเจ้อลงโซเชียล
คำว่ารักตัวเองให้ได้บางทีมันก็ทำยากเนาะ เพราะฉะนั้นเราถึงต้องกลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยชีวิตวัยเด็กและอยู่กับคนที่เขารักเราก่อน อยู่กับความเคยชิน ความอบอุ่นที่คนในครอบครัวมีให้ หรือแม้กระทั่งน้องหมา น้องแมวที่บ้านเรา ทุกอย่างสามารถส่งพลังบวกให้เราได้ กลับมาบ้านนั่งดูละครหลังข่าวกับแม่ สังเกตคนในครอบครัวระหว่างที่เขาทำโน่นทำนี่ หรือลองถามว่าพ่อแม่เจอกันได้ยังไง อะไรที่แม่ชอบในตัวพ่อ อะไรที่พ่อชอบในตัวแม่ กระชับความสัมพันธ์กับคนในบ้านให้แน่นขึ้น พ่อแม่ไม่ถามหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็รักคุณเสมอ