นิติวิทยาศาสตร์ เป็นศาสตร์ในการนำเอาวิชาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไปช่วยไขคดี โดยการเก็บหลักฐาน พิสูจน์หลักฐาน ตรวจร่างกายและวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ เช่น ลายนิ้วมือ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เลือด ฉี่ เส้นผม อสุจิ เส้นใยต่าง ๆ หรือเหงื่อ !
โดยนักนิติวิทยาศาสตร์จะทำงานร่วมกับทีมตำรวจและแพทย์ ตรวจหาหลักฐานทุกอย่างในที่เกิดเหตุแล้วเอาไปทดลอง เพื่อชี้ตัวคนร้ายตัวจริงในกรณีที่คนร้ายปฏิเสธว่าไม่ได้ทำหรือหลบหนี เพราะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จะมัดตัวคนร้ายได้แน่นหนาที่สุดจนปฏิเสธไม่ได้ นอกจากนี้ศาลจะเชื่อข้อมูลที่พิสูจน์ได้จากนักนิติวิทยาศาสตร์ เพราะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือและเป็นสากลที่สุดนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น ในคดีข่มขืนที่นักนิติวิทยาศาสตร์สามารถระบุตัวคนร้ายได้จากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์คือ อสุจิในช่องคลอดและสารคัดหลั่งที่มักจะเปื้อนอยู่บริเวณก้น ใบหูหรือหน้าอก โดยจะนำเอาไปเปรียบเทียบว่าเป็นของคนร้ายหรือไม่ เพราะ DNA ในอสุจิหรือสารคัดหลั่งของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ทำให้สามารถเก็บไปเป็นหลักฐานมัดตัวคนร้ายได้อย่างแม่นยำนั่นเอง
การจะเป็นนักนิติวิทยาศาสตร์ได้นั้น น้อง ๆ ต้องจบปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องก่อน เช่น วิทยาศาสตรบัณฑิต, นิติศาสตรบัณฑิต, รัฐศาสตรบัณฑิต, สาธารณสุขศาสตรบัณฑิต ฯลฯ เพราะนิติวิทยาศาสตร์จะเปิดสอนในระดับปริญญาโทขึ้นไปเท่านั้น เมื่อจบปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องแล้ว ถึงจะได้เรียนต่อนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่เลยหากพยายาม
ส่วนสถาบันที่เปิดสอนนิติวิทยาศาสตร์ในระดับปริญญาโทตอนนี้ ได้แก่ ม.เกษตร, ม.ศิลปากร, ม.เชียงใหม่, ม.ธรรมศาสตร์, ม.มหิดล, มรภ.สวนสุนันทา, โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จบมาแล้วสามารถทำงานตรงสายได้เลย อย่างทำงานในกองพิสูจน์หลักฐานในกรมตำรวจ เหมือนที่เราเห็นในทีวีคือจะใส่ชุดโปโลสีฟ้า เสื้อกั๊กสีดำค่ะ
เป็นยังไงบ้างน่าสนใจไหม ความจริงแล้วนักนิติวิทยาศาสตร์ไม่เพียงแต่ช่วยไขคดีเพื่อหาตัวคนร้ายที่ทำผิดจริงเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ปกป้องไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเข้าคุกหรือจับแพะอีกด้วย ซึ่งคดีพิเศษหลายคดีในบ้านเราก็ได้นักนิติวิทยาศาสตร์มาเป็นส่วนหนึ่งในการค้นหาความจริงในคดี...เราก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตจะได้เห็นนักนิติวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น
แหล่งข้อมูล
เหงื่อ หลักฐานใหม่ในการพิสูจน์บุคคล. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563