ฤดูใบไม้ร่วงทำให้เรารู้ว่ามันสวยงามเพียงใดที่จะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ
ฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นฤดูใบไม้ผลิที่สอง
เมื่อใบไม้ต่าง ๆ ทั้งหมดก็คือดอกไม้นั่นแหละ
(หมายถึง การที่ใบไม้เปลี่ยนสีก็มีสีสันมากมายไม่ต่างกับสีสันของดอกไม้)
เมื่อใบไม้ร่วงหล่น ฤดูใบไม้ร่วงก็เรียกหา
ฤดูหนาวคืองานแกะสลัก ฤดูใบไม้ผลิคือสีน้ำ
ฤดูร้อนคือสีน้ำมัน ส่วนฤดูใบไม้ร่วงนั้นคือภาพปะติดปะต่อของผลงานทั้งหมด
ฤดูใบไม้ร่วงนั้นบรรทุกทองมาในกระเป๋ามากกว่าฤดูอื่น ๆ
(หมายถึง เป็นฤดูที่มองไปทางไหนก็มีแต่สีเหลืองดุจทองของใบไม้ที่ร่วงหล่นเต็มไปหมด)
มันก็แค่การสิ้นสุดของหน้าร้อน แต่ไม่ใช่โลกแตกซะหน่อย มันก็แค่เดือนตุลาคมไง
อันนี้ต้องบอกนิดนึงค่ะว่า หน้าร้อนของฝรั่งนั้นเป็นช่วงเวลาที่อากาศดี มีสีสัน ออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งได้สนุกสนาน พอเข้าฤดูใบไม้ร่วง บางคนก็ถึงกับเซ็ง ๆ หน่อย เพราะสีสันความสนุก อากาศดี ๆ ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป กำลังจะจากไป และยิ่งหน้าหนาวแล้ว เป็นเวลาที่ฝรั่งไม่ชอบเลย เพราะหนาวจัดเกินไป ไปไหนก็ไม่สะดวกเพราะหิมะเต็มไปหมด
ใบไม้ทุกใบร่วงหล่นแล้วร่วงหล่นเล่า ราวกับมันตกหลุมรักพื้นดิน
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการแสวงหาความสันโดษที่บ้าน
ด้วยการให้ความสนใจกับสิ่งที่เรามีพอแล้ว
ใคร ๆ ก็คิดว่าใบไม้ที่ร่วงหล่นนั้นไร้ชีวิตแล้ว
คนนั้นต้องไม่เคยมองดูเวลามันเต้นรำในวันที่มีลมพัดแรง
ใบไม้ที่ร่วงหล่นก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าการโบกมือลาหน้าร้อน