That’s all right./It’s ok. = ไม่เป็นไรเลย
Don’t apologize. = อย่าขอโทษเลย
Don’t worry about it/ No worries. = ไม่ต้องกังวลนะ
I understand. = ฉันเข้าใจ
You couldn’t help it. = เธอทำอะไรไม่ได้นี่นา (ไม่สามารถควบคุมให้มันไม่เกิดขึ้นได้)
Never mind. = ช่างมันเถอะ
It doesn’t matter. = มันไม่มีผลอะไรหรอก
Don’t mention it. = อย่าพูดถึงเลย
Forget about it. = ลืมมันเถอะ
It is not a big deal. = ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
No harm done. = ไม่เป็นไร ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
Please don’t let it happen again. = อย่าให้มันเกิดขึ้นอีกนะ
ตัวอย่างที่ 1
Erika: I’m so sorry to keep you waiting. I just finished a meeting with my boss. How long have you been waiting?
(ฉันขอโทษมาก ๆ เลยนะที่ให้รอ ฉันพึ่งประชุมกับเจ้านายเสร็จน่ะ เธอรอนานไหม)
Sarah: It’s ok! I understand. I just arrived here 10 minutes ago.
(ไม่เป็นไรเลยจ้ะ ฉันเข้าใจ ฉันพึ่งถึงเมื่อ 10 นาทีที่แล้วนี่เองนะ)
ตัวอย่างที่ 2
John: Happy 10th anniversary, my love. Here is your present. I couldn’t choose between a bag or a pair of shoes. So I got them both for you!
(สุขสันต์วันครบรอบ 10 ปีของเรานะที่รัก นี่ของขวัญของคุณนะ ผมเลือกไม่ได้ระหว่างกระเป๋าหรือรองเท้า ผมเลยให้คุณทั้งสองอย่างเลย)
Ellen: Oh my god! Thank you so much, my dearest husband. They are so beautiful! But… I didn’t prepare any presents for you. I am very very sorry.
(โอ้พระเจ้า! ขอบคุณมากเลยนะคะคุณสามีที่รัก มันสวยมาก ๆ เลยนะ แต่ฉันไม่ได้เตรียมของขวัญมาให้คุณเลย ขอโทษจริง ๆ นะคะ)
John: Don’t apologize. You have done nothing wrong, my love. I don’t want anything else but you.
(อย่าขอโทษเลย คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลยที่รัก ผมไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากคุณอยู่แล้วล่ะ)
ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น มีความหมายว่า ‘ไม่เป็นไร’ แต่บางประโยคจะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นนิดหน่อย การจะตอบรับคำขอโทษนั้น ถ้าหากเราเพิ่มรายละเอียดมากกว่าบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ อาจทำให้ผู้ฟังสบายใจขึ้น แต่การขอโทษที่ดีที่สุด คือ การไม่ทำอีก นะคะทุกคน อย่าลืมเอาไปใช้กันนะคะ