Sure/Of Course. = ได้เลย, ได้แน่นอน
No problem. = ไม่มีปัญหา
I would love to. = ฉันยินดี
I would be glad to (help). = ฉันดีใจที่จะได้ช่วย
It would be my pleasure. = เป็นเกียรติอย่างยิ่ง
ตัวอย่าง 1
Perry: Lory, Would you help me set up the dinner table?
(ลอรี่ เธอพอจะช่วยฉันจัดโต๊ะอาหารเย็นหน่อยได้ไหม)
Lory: Sure! No problem at all.
(ได้สิ! ไม่มีปัญหาเลย)
ตัวอย่าง 2
Paul: Today’s Math homework is so confused! Anna, are you free? Please help me out.
(การบ้านวิชาคณิตศาสตร์ของวันนี้เป็นอะไรที่งงมาก! แอนนา เธอว่างอยู่รึเปล่า ช่วยฉันด้วยเถอะ)
Anna: I would love to help!
(ได้สิ ยินดีจ๊ะ)
I’m afraid I can’t. = ฉันเกรงว่าจะทำไม่ได้
Sorry, but I can’t (+verb). = ขอโทษนะ แต่ฉันไม่สามารถทำได้
I’m sorry. I’m not able to. = ฉันขอโทษ ฉันไม่สามารถทำได้
Unfortunately, I’m not able to (+verb). = โชคร้ายจัง ฉันไม่สามารถทำได้
ตัวอย่าง 1
Cherry: Dad! Would you give me a ride to school? I am late!
(พ่อคะ! ไปส่งหนูที่โรงเรียนได้ไหมคะ หนูสายแล้ว)
Dad: I’m so sorry my dear. I can’t drive you to school today because I have a meeting in 15 minutes and I am late too!
(พ่อขอโทษนะลูกรัก วันนี้พ่อขับรถไปส่งหนูไม่ได้ เพราะพ่อมีประชุมในอีก 15 นาทีข้างหน้านี้ และพ่อก็สายแล้วเหมือนกัน!)
ตัวอย่าง 2
Carol: Molly! I will fly to New York next week with my boyfriend. Can we stay at your place, please?
(มอลลี่! อาทิตย์หน้าฉันจะบินไปนิวยอร์คกับแฟนของฉัน เราขอพักกับเธอได้ไหมนะ)
Molly: Oh...Carol. I’m afraid I can’t. My sister and her family will come visit me. I don’t have any room left.
(โอ้ แครอลจ๊ะ ฉันเกรงว่าจะไม่ได้นะ ครอบครัวของพี่สาวฉันจะมาเยี่ยมฉันน่ะ ไม่มีห้องพักเหลือเลยล่ะ