ในไทยเราก็มีการทำตุ๊กตาเช่นกันค่ะ วันนี้จึงขอพามาเยือนบ้านตุ๊กตา Bangkok Dolls House & Museum พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาแห่งแรกของไทย ที่มีตุ๊กตามากถึง 400 กว่าตัวให้ชมกันได้ฟรี
บ้านตุ๊กตา Bangkok Dolls House & Museum ตั้งอยู่ในซอยรัชฎภัณฑ์ (หมอเหล็ง) เขตราชเทวี หากเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS สามารถมาลงที่สถานีพญาไท แล้วต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาได้ค่ะ หรือถ้าใช้รถส่วนตัวในบริเวณพิพิธภัณฑ์ก็พอมีที่จอดค่ะ เปิดวันจันทร์ - เสาร์ เวลา 8.00 - 17.00 น.
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งโดยคุณหญิงทองก้อน จันทวิมล หลังจากที่ท่านไปเรียนประดิษฐ์ตุ๊กตาจาก โรงเรียนโอซาวาดอลล์ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ท่านก็กลับมาสร้างผลงานตุ๊กตาผ้าในแบบไทย ๆ เพื่อแสดงถึงความงดงามทางศิลปวัฒนธรรมไทยที่มีความละเอียดประณีตไม่แพ้ชาติใดในโลก
เริ่มจากห้องประดิษฐ์ตุ๊กตาทำมือเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับโซนพิพิธภัณฑ์ ซึ่งก็ยังคงผลิตผลงานงดงามเป็นเอกลักษณ์มาจนถึงทุกวันนี้ จุดเด่นของตุ๊กตาที่นี่คือเป็นงานฝีมือที่มีความละเอียดอ่อน ตัวละครต่าง ๆ สวมเครื่องแต่งกายและท่ารำถูกต้องตามหลักของกรมศิลปากร
หัวโขนก็ถอดได้สวมได้เสมือนจริง สามารถจับดัดท่าทางการเคลื่อนไหวได้หลากหลายรูปแบบ
มีการจัดแสดงขั้นตอนการประดิษฐ์ตุ๊กตาผ้าเหล่านี้ด้วย
หากดูไกล ๆ อาจเข้าใจผิดว่าใบหน้าตุ๊กตานั้นเป็นงานปั้น แต่จริง ๆ แล้วแม้แต่ส่วนใบหน้าก็เป็นผ้าเช่นกันค่ะ แต่เก็บงานได้เรียบเนียน เส้นสายลายปากกาที่วาดมีความคมชัดละเอียดลออมาก ๆ
ตุ๊กตาไทยมีหลายชุดเลยล่ะค่ะ ไฮไลต์อยู่ที่ชุดรามเกียรติ์ ตอนศึกกุมภกรรณ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดตุ๊กตาพื้นเมืองนานาชาติครั้งที่ 3 ประจำปี 2521 ที่ประเทศโปแลนด์ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีตุ๊กตาไทยอีกกว่าร้อยตัว บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ อย่างในตู้เหล่านี้แสดงวิถีชีวิตชาวบ้าน
การละเล่นไทยแบบต่าง ๆ
ตุ๊กตาแสดงการแต่งกายในสมัยต่าง ๆ และการแต่งกายของผู้คนในประเทศเพื่อนบ้าน
อาชีพต่าง ๆ
ตุ๊กตาเล่าเรื่องราวในวรรณคดี
ตุ๊กตาตัวใหญ่ที่เด็ก ๆ กอดได้เต็มไม้เต็มมือ
นอกจากนี้ยังมีตุ๊กตาสวย ๆ หาชมยากจาก 30 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นของสะสมของคุณหญิงทองก้อนที่ รศ. อาภัสสร์ จันทวิมล บุตรชายของท่านนำมาจัดแสดงให้ได้ชื่นชมกัน โดยมีนิสิตนักศึกษาโครงการ ยัง มิวซ์ โปรเจ็กต์มาช่วยเรื่องการจัดวาง
ก่อนกลับสามารถแวะเลือกซื้อผลงานตุ๊กตาไทยแฮนด์เมดสวย ๆ หรือของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปประดับบ้านเป็นสิริมงคลในวันเทศกาลฮินะมะสึริ (วันเด็กผู้หญิง) และเป็นการช่วยสนับสนุนงานศิลปหัตถกรรมไทยให้คงอยู่ต่อไปอีกแรงหนึ่งได้ด้วยค่ะ