SPF และ PA ทั้งสองตัวนี้มีความแตกต่างกันแต่เราจะเห็นว่าครีมกันแดดขวดหนึ่ง มีทั้ง SPF และ PA แต่ก่อนอื่นที่เราจะมารู้ความหมายเกี่ยวกับสองตัวนี้ เรามารู้จักรังสีอัลตราไวโอเลตซึ่งมากับแสงแดดกันก่อน
รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet : UV) เป็นรังสีที่สามารถทำลายชั้นผิวหนังของมนุษย์ได้ รังสีอัลตราไวโอเลตประกอบด้วย 3 รังสีหลัก ๆ คือ UVA (Ultraviolet A), UVB (Ultraviolet B) และ UVC (Ultraviolet C) รังสีแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน ซึ่งรังสี UVC เราจะไม่ค่อยได้ยินกันเท่าไรนัก เนื่องจากเป็นรังสีที่อยู่บริเวณชั้นโอโซน รังสีชนิดนี้เป็นรังสีที่อันตรายมากที่สุด แต่โชคดีที่รังสีนี้มาไม่ถึงยังพื้นโลก ส่วนรังสีที่เราได้ยินกันบ่อย คือ รังสี UVA และ UVB ซึ่งทั้งสองรังสีนี้จะมาถึงยังพื้นโลก
ทั้งรังสี UVA และ UVB เป็นรังสีที่ทำลายเซลล์ผิวหนังของมนุษย์ และเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ทั้งสองรังสีนี้มีลักษณะต่างกัน ดังนี้
1. UVA รังสีนี้เป็นรังสีที่มีอยู่มากและถือว่าเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เนื่องจากรังสีนี้สามารถทะลุเมฆได้ นอกจากนั้นยังทะลุสิ่งกีดขวางอื่น ๆ เช่น กระจกรถยนต์ เสื้อผ้า เป็นต้น สามารถทะลุทะลวงลึกเข้าสู่ชั้นไขมันของผิวหนัง เป็นสาเหตุของการที่ผิวหนังเกิดริ้วรอย ผิวอ่อนแอ จุดด่างดำและรอยแดงได้ ซึ่งก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังตามมา
2. UVB เป็นรังสีที่อันตรายน้อยกว่า UVA โดยรังสี UVB ไม่ได้มีแค่อันตรายเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์เช่นกัน รังสีนี้มีหน้าที่ในการสร้างวิตามิน D ให้แก่ผิวหนังมนุษย์ เราจะพบรังสีนี้ในช่วงฤดูร้อนและวันที่มีแสงแดด รังสีนี้จะทำลายผิวแค่ผิวหนังชั้นนอก หรือผิวหนังกำพร้าเท่านั้น แต่ก็ทำให้ผิวหนังอ่อนแอ เกิดรอยไหม้และเกิดความหมองคล้ำได้ ถึงอย่างไรก็ตาม UVB ก็ยังคงเป็นอันตรายต่อผิวหนังและทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้เช่นกัน
ค่า SPF คือ ความสามารถของครีมกันแดดที่สามารถป้องกันรังสี UVB ที่ก่อให้เกิดผิวไหม้แดงได้ (Sun Protection Factor) ค่า SPF จะป้องกันรังสี UVB เท่านั้น เมื่อเราทาครีมกันแดดที่มี SPF ตัวเลข SPF จะแสดงถึงระยะเวลากี่เท่าที่สามารถปกป้องผิวหนังเราได้ เช่น หากเราตากแดดเป็นระยะเวลา 10 นาทีและผิวเริ่มไหม้แดง นั้นหมายความว่า ผิวของเราสามารถทนแดดได้ 10 นาที
ระยะเวลาของการป้องกันขึ้นอยู่กับค่า SPF ที่เราทา เช่น หากเราทาครีมกันแดด SPF 20 หมายความว่า ครีมกันแดดนี้สามารถปกป้องแสงแดดได้ 20 เท่า ผิวเราจะทนแดดได้นานขึ้นกว่าปกติ คือ 10x20 = 200 นาที หรือประมาณ 3 ชั่วโมง นั่นเอง ดังนั้นยิ่งเราใช้ครีมกันแดดที่มี SPF มาก ยิ่งเพิ่มระยะเวลาการป้องกันแสงแดดจากการไหม้มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังของแต่ละบุคคล บางคนหากใช้ครีมกันแดดที่มี SPF มากอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เนื่องจากยิ่งค่า SPF มาก ยิ่งมีการใส่สารเคมีที่มากขึ้น
ค่า PA (Protection grade of UVA) เป็นค่าที่ใช้ป้องกันรังสี UVA โดยค่าการป้องกัน UVA มี 3 ระดับ ดังนี้
1. PA+ มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA น้อย
2. PA++ มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ปานกลาง
3. PA+++ มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูง
จะสังเกตได้ว่ายิ่งผลิตภัณฑ์ใดมี PA+ มากเท่าไร ยิ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้มากขึ้นเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ทำไมสัตว์ไม่ต้องทาครีมกันแดด
- เราแพ้แดดได้ด้วยหรือ
- ทำไมครีมกันแดดจึงสำคัญต่อตัวคุณ