1. คนส่วนใหญ่เป็นโรคมะเร็งผิวหนังมากกว่ามะเร็งชนิดอื่น
จากการรายงานของ Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ในปี 2011 รายงานว่า กว่า 65,500 คน เป็นโรคมะเร็งผิวหนัง และมากกว่า 9,000 คนเสียชีวิตเพราะโรคนี้
การทาครีมกันแดดสามารถยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา (Melanoma) ซึ่งเกิดจากการรับรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด รังสีชนิดนี้จะเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนังของเราและทำให้เซลล์ผิวหนังเสียหายกลายเป็นโรคมะเร็ง
2. หากคุณมีผมสีแดง คุณมีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งเนื่องจากเป็นคนผิวขาว
ในปี 2013 นักวิจัยได้พบว่า ยีน MC1R ที่อยู่ในร่างกายของคนผมสีแดงจะเกิดการกลายพันธุ์ การกลายพันธุ์ของยีนนี้ก่อให้เกิดความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง การมียีนส์ที่ผิดปกติในร่างกายนี้เป็นสิ่งกระตุ้นทำให้เกิดมะเร็งได้
สำหรับคนที่ไม่ได้มีผมสีแดงตั้งแต่เกิด ยีน M1CR จะไม่กลายพันธุ์ โดยจะช่วยยับยั้งการเกิดเนื้อเยื่อที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติ เช่น เนื้องอก ที่ส่งผลให้เกิดมะเร็ง แต่สำหรับคนที่มีการกลายพันธุ์ของยีน MC1R จะทำให้ขาดการป้องกันและยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์ผิวหนังถูกทำลายได้ง่าย นักวิจัยประเมินว่า คนที่มีผมสีแดง 10 คนใน 100 คน เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา
3. แสงแดดสามารถทำร้ายผิวหนังในตอนกลางคืนได้
หลายคนอาจจะคิดว่าตอนกลางคืนเป็นช่วงที่ไม่มีแสงแดด แต่เชื่อหรือไม่ว่า แม้ไม่มีแสงแดดแต่ยังมีรังสี UV อยู่ในบรรยากาศ ซึ่งรังสี UV สามารถทำลายเซลล์ผิวหนังเราได้
การทำงานของแสง UV ที่ทำร้ายผิวส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่แสงแดดได้หมดไปแล้ว โดยเซลล์ผิวหนังของมนุษย์ หรือที่เรียกว่า เซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตเมลานิน ที่ทำให้เกิดสารเม็ดสีต่าง ๆ บนร่างกาย จะยังคงถูกรังสี UV ทำลายอยู่แม้จะเป็นเวลากลางคืนที่ไม่มีแสงแดดก็ตาม
4. เพียงแค่ออกไปสัมผัสกับแสง UV 2 วันอาจทำให้ผิวหนังถูกทำลายถึงชั้นโมเลกุล นำไปสู่การเกิดผิวหย่อนคล้อยได้
บางคนอาจจะคิดว่า ออกไปซื้อของแค่ครู่เดียว ไม่ต้องทาครีมกันแดดก็ได้นั้นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เนื่องจากในปี 2014 นักวิจัยได้พบว่า มีรังสี UV ชนิดหนึ่งที่เราพบเจออยู่ในทุก ๆ วัน เป็นอันตรายต่อเซลล์ผิวหนังของเราได้ นั้นก็คือ รังสี UVA1 จากการทดลองให้อาสาสมัครไปยืนตากแดดวันละ 2 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 วัน จากผลการทดลองพบว่า รังสี UVA1 ทำให้เซลล์ผิวหนังลดการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งคอลลาเจนนี้ทำให้ผิวหนังกระชับและอ่อนเยาว์
ทั้งนี้ รังสียูวีส่วนใหญ่มักจะมาในวันที่มีเมฆมาก หากวันไหนสังเกตว่ามีเมฆมากควรหลีกเลี่ยงการออกไปเจอแสงแดดและทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
เราควรทาครีมกันแดดบ่อยแค่ไหน?
ครีมกันแดดถือเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องอันตรายจากแสง UV ที่ทำร้ายผิวหนัง สำหรับการใช้ครีมกันแดดควรใช้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ โดยการป้องกันที่ดีที่สุดควรทาครีมกันแดดทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันผิวไหม้และการถูกทำร้ายของเซลล์ผิวหนัง เนื่องจากครีมกันแดดสามารถอยู่ได้บนผิวหนังเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมง ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับ SPF ด้วย โดยในการทาควรทาก่อนออกแดด 30 นาที เพื่อให้ครีมได้ซึมเข้าสู่ผิว
เมื่ออ่านแล้ว เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงตระหนักถึงภัยร้ายใกล้ตัวกับแสงอาทิตย์มากยิ่งขึ้นนะคะ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ถึงแม้เราจะมองไม่เห็นแสงอาทิตย์ แต่รังสี UV มีอยู่ทุกที่ค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะ