มนุษย์เราเรียนที่จะสร้างภาษาขึ้นมาใช้ในการสื่อสาร เพื่อให้เข้าใจความต้องการ ความหมาย หรือการถ่ายทอดความรู้สึกออกไป แต่กับเด็กทารกที่ยังสื่อสารด้วยภาษาที่เข้าใจไม่ได้ล่ะ เราจะมีวิธีรับมืออย่างไร

ทุก ๆ ครั้งที่เราเห็นคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูเด็กทารก เมื่อลูกร้องก็จะพยายามทำความเข้าใจว่าลูกเป็นอะไร ต้องการอะไร ง่วง หิว หรือเจ็บปวด นั่นเพราะว่า เด็กทารกยังไม่สามารถพูดความต้องการออกมาได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม การดูแลเด็กทารกเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้า บางครั้งก็อาจหงุดหงิดเจ้าตัวน้อยขึ้นมาได้ หรือแย่ไปกว่านั้นคือ ลูกน้อยอาจมีความเจ็บป่วยบางอย่าง และถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที ก็อาจเกิดการสูญเสียตามมาได้

ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยกลุ่มหนึ่งในสหรัฐอเมริกา จึงได้คิดค้น AI (Artificial Intelligence) ให้ทำหน้าที่แยกแยะลักษณะการร้องของเด็กทารก ว่ามีสาเหตุมาจากความหิว ความเจ็บป่วย หรือสาเหตุอื่น ๆ โดยเรียกวิธีการนี้ว่า การแยกลักษณะเฉพาะร่วมกันในลักษณะการร้องไห้ เนื่องจากวิธีการร้องไห้ของทารกแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป เพียงลักษณะเฉพาะร่วมกันในวิธีการร้องไห้จะมาจากเหตุผลเดียวกัน

จากการวิจัยเมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิจัยสามารถตรวจจับและรับรู้คุณสมบัติของเสียงร้องของทารกโดยใช้อัลกอริทึมเฉพาะตามระบบแยกแยะจดจำเสียงอัตโนมัติ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ช่วยแยกแยะระหว่างเสียงร้องปกติและเสียงร้องที่ผิดปกติออกจากกันได้ โดยกลุ่มนักวิจัยได้ทำการรวบรวมข้อมูลสำหรับการอัลกอริทึมจากเด็ก 26 คน และสอบถามพยายามที่มีประสบการณ์และผู้ดูแลเพื่อแยกเหตุผลของการร้องไห้ที่เป็นไปได้ เช่น หิว ง่วงนอน ต้องการเปลี่ยนผ้าอ้อม ซึ่งถือเป็นสาเหตุปกติ และรู้สึกไม่สบาย ซึ่งเป็นสาเหตุไม่ปกติสำหรับการร้องไห้ของทารก

นักวิจัยใช้เทคนิคการประมวลสัญญาณแบบบีบอัด (Compressive Sensing) มาประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการวิเคราะห์และจำแนกสัญญาณเหล่านี้ เทคนิคการประมวลสัญญาณแบบบีบอัด (Compressive Sensing) เป็นกระบวนการจัดระเบียบสัญญาณใหม่ตามข้อมูล ยิ่งมีประโยชน์อย่างมากเมื่อบันทึกเสียงในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก ๆ อย่างเสียงเด็กร้อง ทำให้ค้นพบว่า มีข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพมากมายในเสียงร้องต่าง ๆ เหล่านั้น ราวกับเป็นภาษาพิเศษอีกภาษาหนึ่งเลยทีเดียว

นักวิจัยจะจำแนกลักษณะเฉพาะของเสียงร้องแบบต่าง ๆ เอาไว้ จากนั้นเก็บเป็นฐานข้อมูล ซึ่งจะมีประโยชน์มากในอนาคต เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้ สามารถช่วยในการตัดสินใจ หรือวิเคราะห์ในหลาย ๆ กรณี เช่น การร้องไห้ในระดับที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างฉุกเฉิน ก็อาจตัดสินใจนำส่งโรงพยาบาลในทันที หรือยังสามารถรอจนถึงเช้าได้จึงค่อยพาลูกน้อยไปพบกุมารแพทย์ นอกจากนี้ ยังช่วยในการวินิจฉัยโรคของแพทย์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย