ชีวิตมีขึ้นก็ย่อมมีลงเป็นอย่างนี้เรื่อยมา, เหมือนเช่นมีแดดออกหลังฝนหยุดตก
มันต้องมีทั้งสายฝนและแสงแดดเพื่อที่จะสร้างสายรุ้งได้
ทุกคนย่อมอยากมีแต่ความสุข และไม่มีใครอยากเจ็บปวดทั้งนั้น
แต่คุณจะไม่ได้เจอสายรุ้ง หากไม่ยอมให้มีฝนตกก่อนบ้าง
ที่ฝนตกให้มองหาสายรุ้ง เมื่อใดที่มืดมิดให้มองหาดวงดาว
มาติดอยู่ในโลกที่มีแค่หนังสือกับกาแฟและวันที่ฝนตกกันเถอะ
เมื่อมีใครพยายามทำฝนตกใส่ความฝันของคุณ ให้กางร่มไว้แล้วฝันต่อไป!
พายุทำให้ต้นไม้ต้องหยั่งรากลึกมากยิ่งขึ้น
จำไว้ให้ดี ใคร ๆ ก็รักเธอได้ยามที่ดวงอาทิตย์เจิดจรัส แต่ในยามที่มีพายุเธอจะได้เรียนรู้ว่าใครที่ใส่ใจเธอจริงๆ
ปล่อยให้สายฝนช่วยชำระล้างความเจ็บปวดของวันวาน
ฝนตกเพราะเมฆไม่สามารถอุ้มน้ำหนักได้อีกแล้ว
ไม่ต่างอะไรกับกับน้ำตาที่ไหลมาออกมา
เพราะหัวใจไม่สามารถรองรับความเจ็บปวดได้อีกแล้ว
ชีวิตไม่ใช่การเฝ้ารอให้พายุผ่านพ้นไป แต่คือการเรียนรู้ที่จะเต้นรำในสายฝน
ถ้าเธออยากได้สายรุ้ง เธอก็ต้องยอมให้ฝนตกด้วย
ใครก็ตามที่คิดว่า แสงอาทิตย์คือความสุขเพียงอย่างเดียว
คนนั้นย่อมไม่เคยลองเต้นรำในสายฝน
จงทำให้การพูดมิใช่แค่การเปล่งเสียง เฉกเช่นสายฝนทำให้ดอกไม้ผลิบาน ไม่ใช่เสียงฟ้าผ่า
ฉันชอบกลิ่นหลังฝนตก มันให้ความรู้สึกว่าทุกสิ่งได้ถูกชำระล้างเพื่อพร้อมสำหรับการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ
พระอาทิตย์หลังฝนตกนั้นงดงามยิ่งกว่าพระอาทิตย์ก่อนฝนตก
ถ้าจะร้องไห้ก็ร้องไปเลย ขนาดท้องฟ้ายังร่ำไห้เหมือนกัน
บางครั้งเราก็ทำได้แค่ปล่อยให้ฝนตกและรอคอยแดดออกเท่านั้น
ในขณะที่บางคนรู้สึกถึงสายฝนอันฉ่ำเย็น แต่บางคนกลับแค่เปียกปอน
เมื่อสายฝนได้ผ่านพ้นไป ต้นไม้ใบหญ้าก็ย่อมเจริญเติบโต