ในช่วงวัยเรียน นอกจากความรู้ที่อยู่ในตำรา อาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในยุคนี้ ประสบการณ์นอกห้องเรียน เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่า ในการขยายขอบเขตความคิด ความรู้ และเพิ่มทักษะต่าง ๆ เพื่อที่จะพัฒนาเพิ่มเลเวลตัวเองให้ดีขึ้นไปอีกขั้น และอาจได้ค้นพบตัวตนจริง ๆ ในสิ่งที่เราชอบได้

กล้ารึเปล่า ที่จะก้าวข้าม คอมฟอร์ทโซนของตัวเอง ออกไปหาสิ่งใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ เพิ่มประสบการณ์ให้กับชีวิต หากหลายคนยังคิดไม่ออกว่าจะเริ่มจากตรงไหน วันนี้เราขอนำเสนอ 5 กิจกรรมดี ๆ ที่ทำได้ไม่ยาก ไปดูกันเลยว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง ?

1. เรียนรู้กิจการ ช่วยสานต่อธุรกิจครอบครัว หรือทำงาน Part-Time

            ใครที่ครอบครัวมีกิจการ ถือว่ามีต้นทุนชีวิตที่ดีอยู่แล้ว หากสามารถใช้เวลานี้เรียนรู้งานของที่บ้านอย่างเต็มที่ หาข้อดีข้อเสีย เอาวิชาความรู้ที่เรียนมาลองปรับ เพื่อช่วยพัฒนาให้กิจการของครอบครัวดีขึ้น ถือเป็นการเรียนรู้และฝึกทักษะโดยที่ไม่ต้องลงทุน แถมยังช่วยแบ่งเบางานของพ่อแม่ได้อีกด้วยและในอนาคตเมื่อเราเรียนจบ ก็สามารถมาสานต่อธุรกิจที่บ้านได้อย่างราบรื่น เป็นเถ้าแก่น้อยที่รู้เรื่องและทำทุกอย่างได้เต็มที่โดยไม่ต้องมานั่งเรียนรู้งานใหม่อีก

            หรือหากใครที่ครอบครัวไม่ได้มีธุรกิจ ก็หางานพิเศษทำได้ นอกจากได้ประสบการณ์ได้เรียนรู้จากอาชีพจริง ยังได้เงินค่าขนม ได้พัฒนาทักษะของชีวิตที่ในห้องเรียนไม่มีสอนด้วย ไม่ว่าจะเป็นงาน Part-Time ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านขายเสื้อผ้า หรืออีเว้นท์ต่าง ๆ ก็เปิดรับสมัครอยู่ตลอด ลองหาข้อมูลและเข้าไปสมัครห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน ก็ดีนะ หรือหากใครที่มีสกิลการพิมพ์งาน การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก อยากทำงานอยู่บ้านและได้เงินใช้ด้วยก็สามารถรับงานออนไลน์มาทำที่บ้านได้เช่นกัน

2. เดินทางท่องเที่ยว เก็บเกี่ยวประสบการณ์

            แบกกระเป๋า ออกเดินทางเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวทริปเล็ก ทริปอินดี้ หรือทริปใหญ่ไปกันเป็นแก๊งค์ เที่ยวแบบมีสาระได้ประโยชน์ได้ความรู้ประดับรอยหยักสมองก็ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ นิทรรศการ หอศิลป์ และแกลอรี่ต่าง ๆ หรือเที่ยวอย่างเดียวไม่คิดอะไร ตั้งใจไปพักผ่อนจริง ๆ โดดน้ำตก ไปทะเล ขึ้นภูเขา ตะลุยต่างแดน หรือลองไปเที่ยวเมืองรองก็มีหลายจังหวัดที่น่าสนใจ อาทิ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง ลพบุรี จันทบุรี ตราด สตูล พัทลุง เป็นต้น ได้ออกไปเที่ยว อยู่กับธรรมชาติ ได้อยู่กับตัวเอง ก็ล้วนได้ประสบการณ์ที่ดีกับชีวิตทั้งนั้น ออกไปเที่ยวเถอะ แล้วถ้านำประสบการณ์ที่ได้มารีวิวต่อ ในอนาคตเราอาจจะหารายได้จากการเป็นบล็อกเกอร์รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวก็เป็นได้ ได้เงินเข้ากระเป๋า สร้างรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

3. ออกค่ายโครงการ หรือส่งผลงานเข้าประกวด สร้างประสบการณ์

            การไปออกค่ายหรือเข้าร่วมทำกิจกรรมกับโครงการต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สามารถทำคนเดียว หรือจะชวนเพื่อนมารวมกลุ่มสร้างความทรงจำสนุก ๆ ไปด้วยกันก็ได้ อย่างการทำงานจิตอาสา งานอาสาสมัคร ไปสอนหนังสือเด็ก ไปทาสีโรงเรียน สร้างห้องน้ำ สร้างห้องสมุด ปลูกป่า ดูแลสิ่งแวดล้อม หรือรับบริจาคสิ่งของ ซึ่งปัจจุบัน มีโครงการหลากหลายโครงการที่เป็นประโยชน์ อาทิ ค่ายคุณธรรมจริยธรรม โรงเรียนวิถีพุทธ, โครงการ Kubota smart farmer camp 2019 ตอน “Farmnovation” นวัตกรรมทำได้จริง, โครงการเด็กตื่นไฟ ตอน ไฟฟ้าเรื่องใหญ่ ใช้ให้เป็น เพื่อให้ตระหนักรู้ถึงการใช้ไฟฟ้าอย่างคุ้มค่าและรู้คุณค่า สนับสนุนโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เป็นต้น กิจกรรมต่าง ๆ ล้วนเป็นกิจกรรมที่จะช่วยให้เราได้รับรู้คุณค่าของชีวิตตัวเองอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เป็นการพัฒนาทักษะ ส่งเสริมความเป็นมนุษย์ที่รับผิดชอบต่อสังคม ได้เพื่อนใหม่ และช่วยเปิดมุมมองของเราที่มีต่อวิถีชีวิต สังคม ทรัพยากร และโลก อย่างที่หาไม่ได้ในหนังสือเรียน แถมเผลอ ๆ หากผลงานเข้าตากรรมการได้เงินรางวัลเป็นทุนการศึกษาอีกด้วยนะ

4. เข้าคอร์สอบรมสั้น ๆ หรือเรียนจากสื่อ Online

          เมื่อมีโอกาสดีที่จะได้พัฒนาตัวเอง และเสริมสร้างทักษะพิเศษ ก็อย่ารอช้าที่จะไปเข้าร่วมอบรมหรืองานสัมมนาต่าง ๆ ที่ตัวเองสนใจ หรือถ้าใครไม่อยากออกไปผจญภัยกับอากาศร้อน รถติด ความวุ่นวาย แต่อยากลองฝึกทำอาหาร ถ่ายรูป ว่ายน้ำ ทำขนม ทำของ Hand-Made วาดภาพ ประดิษฐ์สิ่งของใช้เอง ที่สามารถเรียนได้จากที่บ้าน หรืออบรมเรื่องอะไรก็ตาม เพราะยุคนี้คือ ยุค Internet Of Thing เราสามารถหาคำตอบและความรู้ทุกอย่างได้ฟรี จาก Internet ไม่ว่าจะเป็นใน Youtube หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีแทบจะทุกเรื่องทุกประเภทที่มนุษย์เราจะหามาเรียนได้

5. หาข้อมูลเรียนต่อ สะสมผลงาน เรียนรู้อาชีพที่อยากทำในอนาคต

            การค้นหาตัวเอง ค้นหาว่าเราชอบอะไร อยากเป็นอะไร ต้องเรียนต่อทางไหน หรือเตรียมตัวยังไงต่อจากนี้ เพราะการค้นหาตัวเองให้เจอตั้งแต่เนิ่น ๆ คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรารู้ทิศทางอนาคตของตัวเอง เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองชอบอะไร เก่งทางไหน ก็สามารถพัฒนาศักยภาพที่มีให้เต็มที่เพื่ออนาคตที่สดใสและไม่สับสน แนะนำว่าลองเข้าร่วมกิจกรรมหรือส่งผลงานเข้าประกวดในสายที่ชอบ และนำไปสร้าง Portfolio เพื่อสะสมผลงานหรือกิจกรรมที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับอนาคตเราไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วย ที่สำคัญ ลองไปศึกษาและพูดคุยทำความรู้จักอาชีพต่าง ๆ จากรุ่นพี่หรือคนรู้จักดู รับรองว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้จะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่ออนาคตและการตัดสินใจของเราต่อไปได้

และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อยากให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ได้นำกิจกรรมเหล่านี้ไปเริ่มต้นสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้กับชีวิต ถือเป็นการสร้างโอกาสการเรียนรู้ใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ และหาไม่ได้ในห้องเรียน