ในการถ่ายรูปแล้วอาจจะดูเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถที่จะทำได้ แค่กด แชะ! จากมือถือหรือกล้องถ่ายรูปก็ได้รูปแล้ว แต่ก็จะมีความแตกต่างตรงที่ เอ๊ะ ทำไมภาพของช่างภาพถึงดูสวยกว่าของที่เราถ่ายล่ะ ทั้งๆมันเป็นของสิ่งเดียวกัน หรือสถานที่เวลาเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่กระผมจะได้อธิบายต่อจากนี้ หลังจากได้ไปฝึกประสบการณ์ในอาชีพช่าภาพ
***ประสบการณ์ที่เราได้รับมาเป็นประสบการณ์ในการถ่ายรูปทำสารคดีเท่านั้น แต่ความรู้ที่ได้รับมาจะนำไปประยุกต์อย่างไรก็อยู่ที่ตัวของคุณเองแล้ว***
ผมได้เข้าร่วมโครงการ ทำก่อนฝัน ของทรูปลูกปัญญานะครับ ค่ายนี้ได้พาผมไปฝึกประสบการณ์ที่ บริษัทวิริยะธุรกิจ จำกัด 3 อยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งบริษัทนี่เนี่ยเป็นบริษัทที่เป็นคนตีพิมพ์วารสาร"สารคดี" ดังนั้นจึงทำให้ผมได้ฝึกถ่ายแต่เกี่ยวกับ เรื่องสารคดีอย่างเดียวเลย อาจจะมีทริคการถ่ายรูปเล็กๆน้อยๆเสริมเข้ามาจากประสบการณ์ของพี่เลี้ยง ที่ถ่ายถอดมา
อุ้ย!ลืมแนะนำตัวไปเลย ผมชื่อ ตั้งโอ๋(วัศพล ธีรอำพน) อยู่ รร.เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้านครราชสีมา มาฝึกประสบการณ์อาชีพช่างภาพครับผม
ไม่นานเลย 5วันเป็นความรู้สึกแปปเดียวพอเราเริ่มสนใจสิ่งๆนึง ส่วนเรื่องเพื่อนมีอยู่เเล้ว มีทั้งเพื่อนร่วมอาชีพ และเพื่อนต่างอาชีพให้ทำความรู้จักกันในการฝึก ช่วงแรกอาจจะยังไม่ชิน แต่อยู่ไปด้วยกันเดี๋ยวก็สนิท 555555
หลังจากนี้จะเป็นการเล่าประสบการณ์และความรู้สึกของการไปฝึกประสบการณ์อย่างต่อเนื่องเลยแล้วกัน
วันแรก-Day1 and วันที่สอง-Day2
เป็นวันแรกที่ได้เจอกับเพื่อน ซึ่งในการฝึกประสบการณ์ของที่นี่เนี่ย จะมีสองอาชีพ ที่ co-op ร่วมกันคือ อาชีพช่างภาพ กับ อาชีพนักเขียน ทำไมถึงทำร่วมกันเพราะในการจะทำสารคดีเรื่องนึง ต้องมีทั้งบทความและรูปภาพเพื่อสื่อความหมายที่อยากจะให้ผู้ที่อยากจะอ่านรับถึง สมาชิกที่จะร่วมเป็นตายมีดังนี้
สมาชิกก็มีดังนี้ เยอะเหมือนกันเนอะ หลังที่ได้รู้จักกับพี่เลี้ยงที่จะดูแลเราแล้ว พี่ๆก็ได้พาพวกเราไปทั่วทั้งบริษัท ทักทายทุกคน พี่ทุกคนดูใจดีถึงจะไม่ได้เป็นคนร่วมสอนไปด้วยกันแต่ก็คอยช่วยเหลือเรื่องสถานที่ หลังจากทักทายทุกคนเสร็จพี่เลี้ยงก็เริ่มมาปรับความเข้าใจกันและให้ความเกี่ยวกับองค์ประกอบของภาพว่ามีอะไรอย่างไรบ้าง และได้สอนการตั้งประเด็นหัวข้อในการที่เราจะทำสารคดีเรื่องนึงเกี่ยวขั้นตอน องค์ประกอบ เพื่อนำไปใช้ในการทำงานต่อๆไป
เราต้องตั้งประเด็นหัวข้อที่เราสนใจมาเเล้วเตรียมหาภาพเปิด ภาพเนื้อเรื่อง ภาพปิด ต้องคิดอย่างเป็นระบบ ต้องมีความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของภาพ มุมมองเพื่อให้ได้ภาพที่ดีเเเละสามารถใช้งานจริงได้
วันที่สาม-Day3
เราได้มีโอกาสในการลงไปลองทำจริง เพื่อที่จะทำงานของตัวเอง พวกเราไปที่ชุมชนสามเสน เป็นชุมชนที่มีมาตั้งแต่อยุธยานู้นนนน เป็นชุมชนที่เก่าแก่มีสถานที่ที่สวยงามมากมายไม่ว่าเป็นวัดราชาธิวาส โบสถ์คอนเซ็บชัญ หมู่บ้านคอนเซ็ปชัญ ศาลเจ้าจุ้ยโบเนี้ยว ฯลฯ อาชีพที่แปลกตา เช่น ดำน้ำหาของใต้แม่น้ำเจ้าพระยา แต่ก็มีเรื่องที่ลำบากอย่างนึง คือการที่เราต้องเดินไปสถานที่ต่างๆ ท่ามกลางแดดของเมืองไทยในช่วงเกือบเที่ยง(ยิ่งกว่านรก) ถึงแดดจะร้อนแต่ก็สนุกไปกับมันมากๆเลยนะ 555555 พี่ๆดูแลดีมากกก ไม่ว่าจะเลี้ยงอาหารหาของอร่อยๆแปลกๆที่หาไม่ได้หากินได้ทั่วไปมาให้ลองเรื่อยๆเลย ได้เหมือนไปเที่ยวกับเพื่อนไปในตัวแต่ก็อยากลืมว่าก็มีงานที่ต้องทำนะ คิคิ ถึงจะเป็นแค่หนึ่งวัน แต่ก็เป็นวันที่ทำให้มีความสุขมากๆเลยแหละ
มีไหวพริบที่ดี เนื่องจากโอกาสี่เราจะได้ภาพภาพหนึ่งอยู่ที่โอกาสและไหวพริบว่าเราจะสามารถที่จะถ่ายมันได้หรือป่าวหารเป็นเเค่ช่วงไม่กี่วินาที การมีมุมมองที่หลากหลายรูปแแบบจะทำให้เราได้ภาพที่แตกต่างจากคนอื่น มีมารยาทเวลาจะถ่ายรูปต้องถามว่าสถานที่นี้ถ่ายได้ไหมหรือจะถ่ายบุคคลก็ต้องขออนุญาต
ข้อดี : ฝึกให้เราตาไว ฝึกคิดให้มองเห็นหลายมุมมอง
ข้อเสีย : งานสารคดีเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนและความขยันที่สูงพอสมควร เนื่องจากหากวันที่เราลงพื้นที่ในวันนั้นไม่ได้ตามความพึงพอใจ ก็ทำให้เราต้องไปลงซ้ำจนกว่างานจะบรรลุผลสำเร็จ
วันที่สี่-Day4 and วันที่ห้า-Day5
สองวันนี้คือวันที่เรานั่งทำงานในออฟฟิสอย่างขะมักเขม่น เพราะจะต้องมีงานไปส่งพี่เลี้ยงโดยงานที่ได้ เราจะต้องทำร่วมกับนักเขียนไปด้วยเพื่อให้มันเป็นเรื่องราวที่สมบูรณ์ ซึ่งผมได้ทำงานร่วมกับน้องลดา แต่พวกเราก็ต่างกันช่วยทำงานให้ซึ่งกันเเละกันเพื่อต่างช่วยแบ่งเบาภาระ และนี้คือผลงานของพวกเรา สามารถกดไปดูตามลิ้งก์ที่อ้างอิงได้เลย : https://web.facebook.com/sarakadeemag/?ref=br_tf&epa=SEARCH_BOX
หลังจากงานสำเร็จลุล่วง งานเลี้ยงย่อมมีวันเเลิกลาเป็นประสบการณ์ที่ดีมกาครั้งหนึ่งในชีวิตเลย ได้ทั้งมิตรภาพและความรู้จากการมาฝึกประสบการณ์