สวัสดีค่า ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านกระทู้นี้ กระทู้นี้เราจะมารีวิวและให้ความรู้เกี่ยวกับการไปฝึกงานอาชีพนักเทคนิคการแพทย์ ที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กับโครงการทำ ก่อน ฝัน รุ่นที่ 4 ค่ะ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
นักเทคนิคการแพทย์ (Medical Technologist) หรือที่ใครหลายๆคนรู้จักกันในชื่อ "หมอแล็บ" หน้าที่ของนักเทคนิคการแพทย์คือตรวจวินิจฉัยโรคและติดตามการรักษาของผู้ป่วย โดยอาศัยสิ่งส่งตรวจที่ได้มาในการวิเคราะห์ สิ่งส่งตรวจในที่นี้หมายถึงสารคัดหลั่งและของเหลวต่างๆภายในร่างกายของผู้ป่วย เช่น เลือด เสมหะ ปัสสาวะ อุจจาระ นอกจากตรวจโรคแล้ว ยังสามารถตรวจภูมิคุ้มกัน สารพิษ และสารเสพติดในร่างกายได้อีกด้วย
ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอแล็บ ก็ต้องทำงานในแล็บของโรงพยาบาล โดยปกติแล้วห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาลแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ แล็บกลางและแล็บย่อย แล็บกลางคือแล็บที่รวมการทำงานของทุกส่วนไว้ในห้องใหญ่ๆห้องเดียว ส่วนแล็บย่อยคือแล็บที่แบ่งงานตามห้อง ไม่ได้รวมกันเหมือนแล็บกลาง
ในส่วนของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์นั้น เป็นแล็บกลาง มีด้วยกัน 6 ส่วน คือ ธนาคารโลหิต ภูมิคุ้มกันวิทยา เคมีคลินิก จุลชีววิทยา จุลทรรศนศาสตร์ และโลหิตวิทยา
1.แพทย์ ; เนื่องจากเป็นการทำงานเบื้องหลังอาชีพแพทย์ นักเทคนิคการแพทย์จึงต้องติดต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลในการตรวจกับแพทย์ตลอด
2.พยาบาล ; พยาบาลจะทำหน้าที่นำสิ่งส่งตรวจมาให้นักเทคนิคการแพทย์
1.ความรู้พื้นฐานของอาชีพ
2.ความสามาถในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น
3.ความสามารถในการใช้และบำรุงรักษาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ
ข้อดี | ข้อจำกัด |
---|---|
มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถย้ายสายงานได้ตลอดเวลา เช่น เป็นเซลล์ขายเครื่องมือทางการแพทย์ เรียนต่อ หรือเปิดแล็บทำวิจัยเอง | ไม่ค่อยได้พบปะผู้คน การทำงานมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อถ้าไม่ป้องกันตัวเอง ต้องมีความรับผิดชอบและความแม่นยำในการปฏิบัติงานสูงมากๆ |
ต่อไปนี้จะเป็นการรีวิวการไปฝึกงานที่ห้องแล็บกลางของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ค่ะ!
วันนี้พี่ๆทีมเทคนิคการแพทย์พาเดินทั่วแล็บและอธิบายจุดงานทั้ง 6 จุด ซึ่งจะได้ทดลองทำได้วันต่อๆไปค่ะ พออธิบายจบก็ปล่อยให้เดินดูตามความสนใจและเริ่มงานจริงในวันพรุ่งนี้
วันนี้เป็นวันแรกที่ได้ไปฝึกงานจริงๆค่ะ ตอนเช้าไปดูเจาะเลือด ส่วนตอนบ่ายได้เข้า section เคมีคลินิก
ก่อนการเจาะเลือดต้องเช็คข้อมูลผู้มาเจาะให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันการเจาะผิดคน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแพ้ alcohol ให้ใช้ chlorhexidine เช็ดแทน การเช็ดต้องเช็ดแบบก้นหอย วนออก การเช็ดแบบนี้จะทำให้บริเวณที่จะเจาะนั้นไม่มีเชื้อโรค นอกจากนี้การหาเส้นเลือด การเลือกตำแหน่งที่จะเจาะ และการเลือกเข็มก็สำคัญมากๆเช่นกัน เข็มยิ่งเล็กยิ่งเสี่ยงต่อการเกิด hemolysis (เม็ดเลือดแดงแตกตัว)
นอกจากนี้เรายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ในการเจาะเลือดด้วย อย่างหลอดที่ใช้เก็บเลือด ความแตกต่างจะอยู่ที่สีของฝา
สีแดง (clot blood) - มี serum clot activator เหมาะสำหรับการส่งตรวจเคมีคลินิกและภูมิคุ้มกันวิทยา
สีม่วง (EDTA) - ใช้ตรวจ whole blood (เลือดครบส่วน) หรือ CBC ในโลหิตวิทยา
สีเขียว (heparin blood) - สามารถตรวจ cardiac enzyme หรือตรวจโรคหัวใจได้
สีฟ้า (sodium citrate) - มี liquid activator ใช้ตรวจการแข็งตัวของเลือด
สีเทา (sodium fluoride) - ใช้ตรวจ glucose และ lactate
ESR vacuum tube (สีดำ) - ใช้ตรวจการอักเสบ
เคมีคลินิกทำเกี่ยวกับตรวจหาสารเคมีในร่างกายจากสิ่งส่งตรวจของผู้ป่วย เช่น เลือด ปัสสาวะ เป็นต้น
วันนี้ช่วงเช้าได้เรียนเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันวิทยา การตรวจโรคต่างๆ ส่วนช่วงบ่ายเรียนจุลชีววิทยา เกี่ยวกับแบคทีเรีย การตรวจสิ่งส่งตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
ภูมิคุ้มกันวิทยาทำหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจหาไวรัสของการเกิดโรคต่างๆ เช่น hiv, ตับอักเสบ b, การตรวจไข้หวัดใหญ่
จุลชีววิทยาทำหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจแบคทีเรียนด้วยกล้องจุลทรรศน์ การจะตรวจต้องสเมียร์สิ่งส่งตรวจลงบนแผ่นสไลด์และนำไปย้อมสีเพื่อดูรูปร่างของเชื้อ กลุ่ม และลักษณะก่อนจะนำมาตรวจด้วยกล้อง โดยการย้อมสีจะใช้สีเฉพาะ และการย้อมนั้นมีหลายแบบ เช่น gram stain, AFB stain, india ink การย้อมแต่ละแบบสามารถใช้ดูเชื้อแบคทีเรียนได้เหมือนกัน จะแตกต่างกันที่การใช้สีและวิธีย้อม
วันนี้ได้ลองดูพี่เขาสาธิตวิธีการย้อมเสมหะของผู้ป่วยเพื่อตรวจดูเชื้อวัณโรค
ตัวอย่างการย้อมเสมหะแบบ AFB stain
วันนี้ได้ตอนเช้าได้เรียนเกี่ยวกับโลหิตวิทยา การตรวจเลือด ส่วนตอนบ่ายเรียนเกี่ยวกับจุลทรรศนศาตร์ การตรวจปัสสาวะและอุจจาระ
ได้ลองสเมียร์เลือดจริงๆ (หรือที่ใครหลายๆคนเรียกว่าการไถเลือด) เป็นสิ่งที่นักเทคนิคการแพทย์ทุกคนต้องทำเป็น ตอนทำจริงๆยากมาก การสเมียร์เลือดที่ดีจะต้องเป็นรูปลิ้นหมา และมี standard area (สามารถหาได้จากการส่องกับไฟ จะปรากฎเป็นแถบสีรุ้ง เป็นจุดมาตรฐานในการตรวจใต้กล้องจุลทรรศน์)
เมื่อสเมียร์เสร็จต้องนำไปย้อมสีก่อนนำมาส่องดูด้วยกล้อง
| ขั้นตอน 1.นำตัวอย่างเลือดทั้ง 2 หลอดมาวางบนเครื่องมือ วางส่วนที่เป็นเลือดให้ตรงกับเลข 0 2.เลื่อนพลาสมาใหตรงจุด 100 3.วัดดูว่าทั้งสองตัวอย่างตรงกับเลขอะไร ตัวเลขของทั้งสองอันเมื่อบวกลบกันแล้วไม่ควรเกิน 2
|
เรียนเกี่ยวกับการตรวจปัสสาวะและอุจจาระภายใต้กล้องจุลทรรศน์
การตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ (urinalysis) ; สามารถตรวจการตั้งครรภ์ สารเสพติด เบาหวาน และโรคไตได้ใช้ปัสสาวะประมาณ 10 ml ขั้นตอนในการตรวจมี 3 ขั้นตอน
1.ตรวจดูกายภาพของปัสสาวะ - สี, ลักษณะทั่วไป, ความขุ่น-ใส
2.การตรวจทางเคมี - ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ในการตรวจ
3.การตรวจดูตะกอนภายใต้กล้องจุลทรรศน์
การตรวจอุจจาระ (stool examination) ; สามารถตรวจหาพยาธิ และเลือดออกในลำไส้ได้
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการฝึกงานค่ะ สำหรับฐานสุดท้ายที่ได้เข้าคือธนาคารโลหิตค่า จะเกี่ยวกับการรับ-ส่งเลือด ธนาคารโลหิตมีหน้าที่จัดหาและเตรียมเลือดให้แก่ผู้ป่วย โดยรับมาจากสภากาชาด และนำส่งให้ผู้ป่วยตามความต้องการ โดยสิ่งที่สามารถให้ได้มี 3 ประเภทคือ เลือด(เฉพาะที่เป็นเม็ดเลือดแดง), พลาสมา, เกล็ดเลือด (ตอนที่เราบริจาคเลือดจะเป็นการบริจาคแบบ whole blood)
เม็ดเลือดแดง (red blood cell) - มีอายุประมาณเดือนกว่าๆ ทำหน้าที่ส่งออกซิเจน ใช้ในผู้ป่วยที่เสียเลือดมากหรือเป็นโรคโลหิตจาง
พลาสมา (plasma) - ต้องแช่ฟรีซในอุณหภูมิ -30 องศา มีอายุ 1 ปี หากจะใช้ต้องนำมาละลายก่อน เมื่อละลายแล้วจะอยู่ได้แค่ 24 ชั่วโมง มีโปรตีน ช่วยทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด
เกร็ดเลือด (platelet) - มีอายุ 5 วัน ช่วยสมานบาดแผล ช่วยการหยุดไหลของเลือด ใช้ในผู้ป่วยที่มีเกล็ดเลือดต่ำ เช่น ผู้ป่วยที่กำลังทำคีโม
ก่อนจะนำส่งให้ผู้ป่วยที่ต้องการใช้เลือด ต้องทำการตรวจดูก่อนว่าเลือดของผู้ป่วยกับเลือดของผู้บริจาคสามารถเข้ากันได้หรือไม่ (**ไม่สามารถต่อสายให้ได้ทันทีแบบในละคร!!!)
และทั้งหมดนี้ก็คือการฝึกงานอาชีพนักเทคนิคการแพทย์ทั้ง 5 วันของเราเองค่า บาง section หรือบางการทดลองไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ดูได้ต้องขอภัยมา ณ ทีนี้ด้วยนะคะ y____y
ขอขอบคุณทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ที่ให้โอกาสนักเรียนอย่างเราได้เข้าไปฝึกงานและทดลองทำอะไรหลายๆอย่างจริง ขอบคุณพี่ๆทีมเทคนิคการแพทย์ทุกคนที่ให้ข้อมูลความรู้อย่างเต็มที่และดูแลเราตลอด 5 วัน ขอบคุณโครงการทำ ก่อน ฝัน ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนหลายๆคนได้ค้นหาตัวเองและได้หาประสบการณ์ใหม่ๆ และขอขอบคุณทุกๆคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ หวังว่าเราจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการตัดสินใจของใครหลายๆคนที่ฝันอยากจะเป็นนักเทคนิคการแพทย์ และหวังว่าข้อมูลของเราจะเป็นประโยชน์ไม่มาก็น้อยค่ะ
และสำหรับใครที่อยากลองมาสัมผัสประสบการณ์จริงๆแบบนี้นะคะ ปิดเทอมครั้งหน้าเราอยากเชิญชวนให้ทุกๆคนลองสมัครโครงการนี้ดูนะคะ จะได้รู้ว่าอาชีพนี้ใช้สำหรับเราจริงๆหรือเปล่า สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ facebook : ทำ ก่อน ฝัน เลยค่า เพราะก่อนจะฝัน มันต้องลอง!
สุดท้ายนี้ขอลาทุกคนไปด้วยวลีเด็ดที่เราประทับใจเกี่ยวกับอาชีพนักเทคนิคการแพทย์ค่ะ ตอนนั้นคุยกับพี่น้อย(นักเทคนิคการแพทย์) เรื่องเวลาในการทำงานค่ะ พี่น้อยเล่าว่าช่วงที่ยุ่งมากๆเรายิ่งต้องมีความแม่นยำสูง หากรายงานผลผิดก็จะมีผลต่อชีวิตของผู้ป่วย เพราะฉะนั้นต้องรอบคอบและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้เร็วที่สุดค่ะ พี่น้อยยังเล่าอีกว่าแล็บต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง คนที่อยู่เวร 24 ชั่วโมงบางทีแทบจะไม่มีเวลาได้นอนเพราะมีเคสของคนไข้เข้ามาเรื่อยๆ ก็เลยต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาค่ะ
—พี่น้อย นักเทคนิคการแพทย์โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
เป็นกำลังใจให้กับความฝันของทุกๆคนนะคะ :—) ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีค่ะ