ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin : Hb) เป็นก้อนโปรตีนที่อยู่บนผิวของเม็ดเลือดแดง เกิดจากพอลิเพปไทด์ (polypeptide) 4 สายมารวมกัน และมีธาตุเหล็ก (Fe) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญจึงทำให้เลือดมีสีแดง ซึ่งฮีโมโกลบินบนผิวของเม็ดเลือดแดงมีหน้าที่ในการลำเลี้ยงแก๊สออกซิเจน (O2) และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในระบบทางเดินหายใจ (respiratory system) ดังนี้
1. เมื่อฮีโมโกลบินจับกับแก๊สออกซิเจนที่ตำแหน่งของธาตุเหล็กจะกลายเป็นออกซีฮีโมโกลบิน (Oxyhemoglobin : HbO2)
Hb + O2 → HbO2 (ออกซีฮีโมโกลบิน)
2. เมื่อฮีโมโกลบินจับกับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ตำแหน่งของธาตุเหล็กจะกลายเป็นคาร์บามิโนฮีโมโกลบิน (Carbaminohemoglobin : HbCO2)
Hb + CO2 → HbCO2 (คาร์บามิโนฮีโมโกลบิน)
แต่ฮีโมโกลบินมีความสามารถในการจับกับแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ได้เร็วกว่าแก๊สออกซิเจนถึง 200 – 250 เท่า เนื่องจากแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์สามารถแพร่ผ่านเยื่อบาง ๆ ระหว่างถุงลมกับเส้นเลือดฝอยในปอด (alveolar capillary membrane) ได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นคาร์บอกซีฮีโมโกลบิน (Carboxyhemoglobin : HbCO) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีพันธะแข็งแรงมากกว่าออกซีฮีโมโกลบินและคาร์บามิโนฮีโมโกลบิน
Hb + CO → HbCO (คาร์บอกซีฮีโมโกลบิน)
ดังนั้น หากตกอยู่ในสถานการณ์ที่อากาศมีความเข้มข้นของแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์สูงและเป็นเวลานาน เช่น การนอนหลับในรถที่สตาร์ตเครื่องทิ้งไว้ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก จะทำให้ร่างกายได้รับแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์มากเกินไป และร่างกายจะเกิดสภาวะขาดแก๊สออกซิเจนเฉียบพลันถึงขั้นเสียชีวิตได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ก๊าซพิษ อันตรายจากภาวะขาดออกซิเจน