1) A description, either true or imagined, of a connected series of events. (เรื่องราวจริงหรือแต่งขึ้น)
2) A level of a building. (ชั้นของอาคาร/ตึก)
3) A set of rooms on one level. (ห้องที่อยู่ในชั้นเดียวกัน)
ตัวอย่างประโยค
Every story has an end, but in life every ending is a new beginning.
(ทุกเรื่องราวมีตอนจบ แต่ในชีวิตจริงแล้วนั้น ทุกตอนจบก็คือการเริ่มต้นใหม่)
I always ask my dad to tell a story of how he met mom.
(ฉันมักจะขอให้พ่อเล่าเรื่องที่พ่อกับแม่เจอกันได้อย่างไรอยู่เสมอ)
Their new house has four stories including the basement.
(บ้านของพวกเขามีทั้งหมด 4 ชั้น รวมชั้นใต้ดินด้วย)
A floor or level of a building. (ชั้นของอาคาร/ตึก)
A set of rooms on one level. (ห้องที่อยู่ในชั้นเดียวกัน)
ตัวอย่างประโยค
I live on the top storey of T tower.
(ฉันอาศัยอยู่ชั้นบนสุดของตึก T)
They are planning a ten-storey high hotel next to the royal palace.
(พวกเขากำลังวางแผนที่จะสร้างโรงแรมสูง 10 ชั้นข้าง ๆ กับพระราชวัง)
จากความหมายและตัวอย่างประโยคของทั้ง 2 คำ จะเห็นได้ว่ามีความหมายเหมือนกัน คือ ชั้นของอาคาร แต่สิ่งที่แตกต่างกัน แบ่งออกเป็น 2 ข้อได้ดังนี้
1. การสะกด เพราะ story เป็นการสะกดแบบ American English แต่ storey เป็นการสะกดแบบ British English
2. การเติม s ในกรณีที่เป็นพหูพจน์ ถ้า story ที่เป็นพหูพจน์ จะต้องเปลี่ยน y เป็น i และเติม es กลายเป็น stories แต่ถ้า storey นั้น สามารถเติม s ได้เลย กลายเป็น storeys