แน่นอนว่า การอ่านหนังสือเป็นกิจวัตรที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่กับลูก ๆ ได้ดี และเป็นวิธีการง่าย ๆ ที่ทำให้เด็ก ๆ เริ่มต้นเป็นคนรักการอ่าน อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาให้กับเด็ก ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย แต่ดูเหมือนว่า ประโยชน์ของการมีหนังสือในบ้าน จะไม่ใช่เพียงเรื่องเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว เมื่องานวิจัยยุคใหม่เปิดเผยว่า การมีหนังสือในบ้านนั้น ยังส่งผลต่อความสำเร็จในชีวิตของเด็ก ๆ ในอนาคตอีกด้วย
ผลการสำรวจจำนวนหนังสือในแต่ละบ้านในสหรัฐอเมริกา จำนวนกว่า 160,000 ครอบครัว จากการวิจัยที่มีชื่อว่า Scholarly culture: How books in adolescence enhance adult literacy, numeracy and technology skills in 31 societies พบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว แต่ละบ้านจะมีหนังสืออยู่ที่ประมาณ 114 เล่ม (นับว่าสูงมากทีเดียวค่ะเมื่อเทียบกับจำนวนหนังสือในบ้านของคนไทย) แต่ตัวเลขนี้ไม่ได้บอกถึงนิสัยรักการอ่านอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ แต่เขายังทำการศึกษาต่ออีกว่า การมีหนังสือเยอะ ๆ ในบ้าน ช่วยพัฒนาเด็ก ๆ และเยาวชนในครอบครัวนั้น ๆ ได้จริงหรือไม่ และในแง่มุมไหนกันบ้าง
สิ่งที่พวกเขาพบก็คือ บ้านที่มีหนังสือมากกว่า 80 เล่มนั้น มีความสัมพันธ์กับระดับคะแนนที่สูงทั้งในด้านภาษา ตัวเลข รวมไปถึงทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) นั่นหมายความว่า หนังสือไม่ได้สื่อถึงแค่ระดับความสามารถทางภาษาเท่านั้น แต่ยังขยายผลไปยังการพัฒนาทักษะในด้านอื่น ๆ สำหรับเด็ก วัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่อีกด้วย และความสามารถที่พบนั้น ไม่เพียงแต่มากกว่าเด็กในวัยเดียวกันเท่านั้น แต่ทว่า คะแนนของเด็กมัธยมที่มีหนังสือในบ้านเป็นจำนวนมาก ยังดีกว่าหรือเทียบเท่า คะแนนของเด็กมหาวิทยาลัยที่มีหนังสือในบ้านเพียงไม่กี่เล่มอีกด้วย หรือนี่จะเป็นนัยที่บ่งบอกถึงนิยามที่แท้จริงของคำว่า “การศึกษา” ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในรั้วโรงเรียนหรือรั้วมหาวิทยาลัยอีกต่อไป
ครูพิม ณัฏฐณี สุขปรีดี
นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กเล็กและการเลี้ยงลูกเชิงบวก