จุดที่ต้องใส่ใจอีกอย่างนึงก็คือการเลือกใช้ส่วนผสมที่ใช้ โดยเฉพาะนม เพราะเป็นส่วนที่ช่วยสร้างความกลมกล่อม หอม มัน มีทั้ง นมสด นมข้นจืด นมข้นหวาน วันนี้ไปดูประเภทนมที่เหมาะสำหรับทำเบอเกอรี่ เพื่อให้ได้เบเกอรี่รสเลิศกันค่ะ
เป็นนมที่ได้จากน้ำนมวัว โดยผ่านขบวนการฆ่าเชื้อ มี 3 แบบหลัก ๆ คือ
• นมสดสเตอริไรซ์ (Sterilization) เป็นนมที่ผ่านความร้อนที่อุณหภูมิ 110-120 องศาเซลเซียส ภายในเวลา 20-30 นาที มีอายุในการเก็บรักษานาน 1 ปี ควรเก็บไว้ในที่แห้ง ไม่ถูกแสงและความร้อน เมื่อเปิดใช้แล้วควรเก็บในตู้เย็นโดยใส่ในภาชนะแก้วหรือกระเบื้องปิดฝาสนิท
• นมสดพาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurization) เป็นนมที่ผ่านความร้อนที่อุณหภูมิ 72 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 วินาที ทำให้นมมีคุณค่าทางอาหารอยู่ครบถ้วน มีความสดใหม่ กลิ่นหอม คุณภาพดี และรสมันมากกว่านมสดชนิดอื่นเล็กน้อย มีอายุในการเก็บรักษา 14 วัน ควรเก็บไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิ 3-5 องศาเซลเซียส เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากแบคทีเรีย
• นมสดยู เอช ที (UHT) คือนมโคสดที่ผ่านขบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง 140 องศาเซลเซียส ภายในเวลา 2-4 วินาที มีอายุการเก็บรักษาประมาณ 6-9 เดือน สามารถเก็บได้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ต้องแช่เย็น แต่หากเปิดใช้แล้วไม่หมดควรเก็บไว้ในตู้เย็น
จริง ๆ แล้วคือนมสดที่ระเหยน้ำออกไปราว ๆ 60% จึงมีโปรตีนและสารอาหารที่ครบถ้วนอยู่ เป็นนมที่ถูกใช้มากที่สุดในบรรดาร้านที่ขายเครื่องดื่มประเภท กาแฟต่าง ๆ แต่เมื่อนำมาทำเบเกอรี่จะทำให้ขนมนั้นมีสีที่ดูน่ากินมากขึ้น เพราะมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น เนียนละเอียด จะได้กลิ่นหอมนมชัดเจนที่สุด รสชาติกลมกล่อม หอมมัน ครบสูตรสำเร็จของการทำเบเกอรี่
มาจากนมข้นจืด แต่มีการเติมน้ำตาลลงไปราว ๆ 45 – 60% และมีไขมันจากพืชเป็นส่วนประกอบราว ๆ 10 – 18% มีลักษณะเหนียว หนืด สีไม่ขาว และมีรสชาติหวาน นิยมนำไปชงกับกาแฟและเครื่องดื่มต่าง ๆ แต่หากนำมาทำเบเกอรี่ก็จะเหมาะกับขนมที่ต้องการความหอมนมและให้รสชาติมัน เข้มข้น
แหล่งที่มา https://www.falconforprofessional.com/products