การเสียสละแบ่งปัน มากน้อยตามกำลังของวัตถุเครื่องสงเคราะห์ที่มีอยู่
จะเป็นวัตถุทาน ธรรมทาน หรือวิทยาทาน
เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ นอกจากกุศล
คือความดีที่ได้จากทานนั้น เป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้าของทานได้รับอยู่โดยดีเท่านั้น
คนมีทานย่อมเป็นผู้สง่าผ่าเผยและเด่นในปวงชน เป็นที่เคารพรักในหมู่ชน
จะตกอยู่ทิศใดย่อมไม่อดอยากขาดแคลน
จะมีสิ่งหรือผู้อุปถัมภ์จนได้ ไม่อับจนทนทุกข์
ผู้มีทานประดับตนย่อมไม่เป็นคนล้าสมัย บุคคลทุกชั้นไม่รังเกียจ
ผู้มีทานย่อมเป็นผู้อบอุ่นหนุนโลกให้ชุ่มเย็น
การเสียสละจึงเป็นเครื่องค้ำจุนหนุนโลก
การสงเคราะห์กันทำให้โลกมีความหมายตลอดไป
ไม่เป็นโลกที่ไร้ชาติขาดกระเจิง
เหลือแต่ซากแผ่นดิน ไม่แห้งแล้งแข่งกับทุกข์ตลอดไป
ศีล คือ พืชแห่งความดีอันยอดเยี่ยม ที่ควรมีประจำชาติมนุษย์
ไม่ปล่อยให้สูญหายไป เพราะมนุษย์ไม่มีศีลเป็นรั้วกั้น
เป็นเครื่องประดับตัว จะไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนหลับสนิทได้โดยปลอดภัย
แม้โลกเจริญด้วยวัตถุจนกองสูงกว่าพระอาทิตย์
แต่ความรุ่มร้อนแผดเผาจะทวีคูณยิ่งกว่าพระอาทิตย์
ถ้ามัวคิดว่าวัตถุมีค่ามากกว่าศีลธรรม
ยิ่งปล่อยให้ความคิดตามอำนาจโดยไม่มีศีลธรรมช่วยเป็นยาชโลมไว้บ้าง
จะผลิตยักษ์ใหญ่ทรงพิษขึ้นมากว้านกินมนุษย์จนไม่มีอะไรเหลืออยู่บ้างเลย
ความคิดที่เป็นกิเลส มีผลให้ตนเองและผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนจนคาดไม่ถึง
ผิดกันอยู่มาก ควรหาทางแก้ไข ผ่อนหนักให้เบาลงบ้าง ก่อนจะหมดทางแก้ไข
ศีลจึงเป็นเหมือนยาปราบโรค ทั้งโรคระบาดและเรื้อรัง
ใจที่ยังมิได้รับการอบรมจากภาวนา
จึงเปรียบเหมือนสัตว์ที่ยังมิได้รับการฝึกหัด
ยังมิได้รับประโยชน์จากมันเท่าที่ควร
จำต้องฝึกหัดให้ทำประโยชน์ถึงจะได้รับประโยชน์ตามควร
ใจจึงควรได้รับการอบรมให้รู้เรื่องของตัว
จะเป็นผู้ควรแก่การงานทั้งหลาย ทั้งส่วนเล็กส่วนใหญ่ ภายนอกภายใน
ทำด้วยความใคร่ครวญ เล็งถึงประโยชน์ที่จะได้รับ เป็นผู้มีหลักมีเหตุผล
ถือหลักความถูกต้องเป็นเข็มทิศทางเดินของกาย วาจา ใจ
ไม่เปิดช่องให้ความอยากอันไม่มีขอบเขตเข้ามาเกี่ยวข้อง
เพราะความอยากดั้งเดิมเป็นไปตามอำนาจของกิเลสตัณหา
ซึ่งไม่เคยสนใจต่อความผิด ถูก ดี ชั่ว
พาเราเสียไปจนนับไม่ถ้วน ประมาณไม่ถูก จะเอาโทษมันก็ไม่ได้
ยอมให้เสียไปอย่างน่าเสียดายถ้าไม่มีสติระลึกบ้างเลยแล้วของเก่าก็เสียไป
ของใหม่ก็พลอยจมไปด้วย ไม่มีวันฟื้นคืนตัวได้
ฉะนั้น การภาวนาจึงเป็นเครื่องหักล้างความไม่มีเหตุผลของตนได้ดี
วิธีภาวนานั้นลำบากอยู่บ้าง เพราะเป็นวิธีบังคับใจ
วิธีภาวนาก็คือวิธีสังเกตตัวเอง สังเกตจิตที่มีนิสัยหลุกหลิก ไม่อยู่เป็นปกติสุข
ด้วยมีสติตามระลึกรู้ความเคลื่อนไหวของจิต
โดยมีธรรมบทใดธรรมบทหนึ่งเป็นคำบริกรรม
เพื่อเป็นยารักษาจิตให้ทรงตัวอยู่ได้ด้วยความสงบสุขในขณะภาวนา
พยายามบังคับใจให้อยู่กับอารมณ์แห่งธรรมบทที่นำมาบริกรรมขณะภาวนา
พยายามทำอย่างนี้เสมอด้วยความไม่ลดละความเพียร
จิตที่เคยทำบาปหาบทุกข์อยู่เสมอจะค่อยรู้สึกตัวและปล่อยวางไปเป็นลำดับ
มีความสนใจหนักแน่นในหน้าที่ของตนเป็นประจำ
จิตที่สงบตัวลงเป็นสมาธิเป็นจิตที่มีความสุขเย็นใจมากและจำไม่ลืม
ปลุกใจให้ตื่นตัวและตื่นใจได้อย่างน่าประหลาด
การภาวนาแก้ไขปัญหาใจทุกประการ
ผู้เป็นหัวหน้างานหรือมีภารกิจมากควรหันมาฝึกใจอย่างยิ่ง
เมื่อพูดถึงการภาวนา บางท่านรู้สึกเหงาหงอยน้อยใจว่า
ตนมีวาสนาน้อยทำไม่ไหว เพราะกิจการยุ่งยากทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน
ตลอดงานสังคมต่างๆ ที่ต้องเป็นธุระ
จะมานั่งหลับตาภาวนาอยู่เห็นจะไม่ทันอยู่ทันกินกับโลกเขา
ทำให้ไม่อยากทำ ประโยชน์ที่ควรได้จึงเลยผ่านไป ควรพยายามแก้ไขเสียบัดนี้
แท้จริง การภาวนาคือวิธีแก้ความยุ่งยากลำบากใจทุกประเภท
ที่เป็นภาระหนักให้เบาและหมดสิ้นไป ได้อุบายมาแก้ไขไล่ทุกข์ออกจากตัว
การอบรมใจด้วยการภาวนาก็เป็นวิธีหนึ่งแห่งการรักษาตัว
เป็นวิธีที่เกี่ยวกับจิตใจผู้เป็นหัวหน้างานทุกด้าน
จิต จำต้องเป็นตัวการรับภาระแบกหาม
โดยไม่คำนึงถึงความหนักเบา ว่าชนิดใดพอยกไหวไหม
จิตต้องรับภาระทันที ดี ชั่ว ผิด ถูก หนัก เบา เศร้าโศกเพียงใด
บางเรื่องแทบเอาชีวิตไปด้วย
ขณะนั้นจิตใจยังกล้าเอาตัวเข้าเสี่ยงแบกหามจนได้
มิหนำซ้ำยังหอบเอามาคิดเป็นการบ้านอีก
จนนอนไม่หลับ รับประทานไม่ได้ก็มี
คำว่าหนักเกินไป ยกไม่ไหว เกินกำลังใจจะคิดและต้านทานนั้นไม่มี
งานทางกาย ยังมีเวลาพักผ่อนนอนหลับ
และยังรู้ประมาณว่าควรหรือไม่ควรแก่กำลังของตนเพียงใด
ส่วนงานทางใจไม่มีเวลาได้พักผ่อนเอาเลย
พักได้เล็กน้อยขณะนอนหลับเท่านั้น
แม้เช่นนั้น จิตยังอุตส่าห์ทำงานด้วยการละเมอเพ้อฝันต่อไปอีก
ไม่รู้จักประมาณว่าเรื่องต่างๆ นั้นควรแก่กำลังของใจเพียงใด
เมื่อเกิดอะไรขึ้น ทราบแต่ว่าทุกข์เหลือทน
ไม่ทราบว่าทุกข์เพราะงานหนักและเรื่องเผ็ดร้อนเหลือกำลังใจจะสู้ไหว
ใจคือนักต่อสู้ ดีก็สู้ ชั่วก็สู้ สู้จนไม่รู้จักหยุดยั้งไตร่ตรอง
สู้จนไม่รู้จักตาย หากปล่อยไปโดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง
คงไม่ได้รับความสุข แม้จะมีสมบัติก่ายกอง
ถ้าขาดธรรมเพียงอย่างเดียว ความอยากของใจ
จะพยายามหาทรัพย์ได้กองเท่าภูเขา ก็ยังหาความสุขไม่เจอ
ไม่มีธรรมในใจเพียงอย่างเดียว จะอยู่ในโลกใด กองสมบัติใด
ก็เป็นเพียงโลกเศษเดนและกองสมบัติเดนเท่านั้น
ไม่มีประโยชน์อะไรแก่จิตใจแม้แต่นิด
ความทุกข์ทรมาน ความอดทน ทนทานต่อสิ่งกระทบกระทั่งต่างๆ
ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าใจ ถ้าได้รับความช่วยเหลือที่ถูกทาง
ใจจะกลายเป็นของประเสริฐให้เจ้าของได้ชมอย่างภูมิใจต่อเรื่องทั้งหลายทันที
จิต เป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล
ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิตอันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน
วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะก็คือ ภาวนา ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร
ตรวจดูจิตว่ามีอะไรบกพร่องและเสียไป จะได้ซ่อมสุขภาพจิต
คือนั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือความคิดปรุงแต่งของจิตว่าคิดอะไรบ้าง
ในวันและเวลาที่นั่ง นั่งมีสารประโยชน์ไหม
คิดแส่หาเรื่องหาโทษขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั้น พอรู้ผิดถูกของตัวบ้างไหม
พิจารณาสังขารภายนอกว่ามีความเจริญขึ้นหรือเจริญลง
สังขารร่างกายมีอะไรใหม่หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดลงไป
พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะทำได้
ตายแล้วจะเสียการ ให้ท่องอยู่ในใจเสมอว่า
เรามีความแก่ เจ็บ ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน
ป่าช้าอันเป็นที่เผาศพภายนอก และป่าช้าที่ฝังศพภายในคือตัวเราเอง
เป็นป่าช้าร้อยแปดพันเก้าแห่งศพที่นำมาฝังหรือบรรจุ
จะอยู่ในตัวเราตลอดเวลา ทั้งศพเก่าศพใหม่ทุกวัน
จะเห็นโทษแห่งความบกพร่องของตัวและพยายามแก้ไขได้เป็นลำดับ
มากกว่าจะไปเห็นโทษของคนอื่นแล้วมานินทาเขา ซึ่งเป็นความไม่ดีใส่ตน
ตรวจตราดูความบกพร่องของตนว่าควรแก้ไขจุดใด ตรงไหนบ้าง
ใช้ความพิจารณาอยู่ทำนองนี้เรื่อยๆ ด้วยวิธีสมาธิภาวนาบ้าง
ด้วยการรำพึงในอิริยาบถต่างๆ บ้าง
ใจจะสงบเย็น ไม่ลำพองผยองตัวและความทุกข์มาเผาลนตัวเอง
เป็นผู้รู้จักประมาณในหน้าที่การงานที่พอเหมาะพอดีแก่ตัว
ทั้งทางกายและทางใจ ไม่ลืมตัวมั่วสุมในสิ่งที่เป็นหายนะต่างๆ
คุณสมบัติของผู้ภาวนานี้มีมากมาย ไม่อาจพรรณนาให้จบสิ้นได้
ผู้เกิดมาเป็นมนุษย์ต้องเป็นผู้เคยสั่งสมธรรมเหล่านี้
มาอยู่ในนิสัยของผู้จะมาสวมร่างเป็นมนุษย์
ที่สมบูรณ์ด้วยมนุษยสมบัติอย่างแท้จริง
(ภูริทตฺตธมฺโมวาท จากหนังสือภูริทตฺตมหาเถรานุสรณ์)