โลกของเราประกอบไปด้วยชั้นบรรยากาศ ปกคลุมอยู่ และชั้นบรรยากาศก็ประกอบไปด้วยอากาศ ซึ่งเกิดจากโมเลกุลของก๊าซชนิดต่าง ๆ ผสมปนเปกัน โดยอากาศมีสมบัติ ดังนี้
1. ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส
2. มีความดัน โดยมีแรงกระทำต่อวัตถุทุกทิศทาง
3. เป็นสสาร มีมวล มีปริมาตร และต้องการที่อยู่
4. เป็นของไหลถ่ายเทไปได้ตลอดเวลา
5. มีความหนาแน่น ความชื้น และระดับอุณหภูมิ
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องหายใจเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา แต่ในความเป็นจริง อากาศที่เราหายใจเข้าไปไม่ได้มีเพียงก๊าซออกซิเจน ส่วนประกอบของอากาศประกอบไปด้วยก๊าซหลายชนิด
1. ไนโตรเจน (N2) เป็นก๊าซที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ช่วยให้ไฟติด และไม่ติดไฟ อีกทั้งยังเป็นองค์ประกอบในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ในอากาศมีปริมาณของก๊าซไนโตรเจนอยู่ประมาณ 78.084% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในอากาศ
2. ออกซิเจน (O2) เป็นก๊าซที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ติดไฟ แต่ช่วยให้ไฟติด เป็นก๊าซที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต ในอากาศมีปริมาณของก๊าซออกซิเจนมากเป็นอันดับสองรองจากก๊าซไนโตรเจน คือ 20.948%
3. อาร์กอน (Ar) เป็นก๊าซเฉื่อยที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส และไม่ติดไฟ ใช้เป็นแก๊สบรรจุในหลอดไฟ เพื่อให้ไส้หลอดมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ในอากาศมีปริมาณของก๊าซอาร์กอนประมาณ 0.934%
4. คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นก๊าซที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่ติดไฟ หากได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในจมูกหรือทางเดินหายใจได้ ในอากาศมีปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.031%
5. นีออน (Ne) เป็นก๊าซเฉื่อย ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ใช้บรรจุในหลอดไฟโฆษณาให้แสงสีส้มแดง ในอากาศมีปริมาณของนีออนประมาณ 0.002%
ส่วนที่เหลือจะเป็นก๊าซซึ่งมีปริมาณน้อยมากในอากาศ เช่น ฮีเลียม ซีนอน คริปทอน ซึ่งเป็นก๊าซเฉื่อย มีเทน ไฮโดรเจน โอโซน ไอโอดีน คาร์บอนมอนอไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ แอมโมเนีย ไอน้ำ ฝุ่นละออง ละอองเกสรจากพืช และแบคทีเรียต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีก๊าซพิษบางชนิดที่โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาจปล่อยออกมาจนกลายเป็นมลภาวะทางอากาศ เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)
แม้ว่าก๊าซซึ่งเป็นส่วนประกอบของอากาศเหล่านี้จะรวมอยู่ด้วยกันจนดูเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน แต่อากาศกลับไม่ใช่สารเนื้อเดียว แต่เป็นสารเนื้อผสม ตามการจำแนกสารโดยใช้เนื้อสารเเป็นเกณฑ์ นั่นเป็นเพราะ ก๊าซที่รวมอยู่ด้วยกันเหล่านี้มีปริมาณที่แปรฝันได้ ไม่คงที่ เช่น อากาศจากส่วนต่าง ๆ ของโลก ก็มีปริมาณของก๊าซที่เป็นองค์ประกอบไม่เท่ากัน อย่างบนเทือกเขาสูงที่มีปริมาณออกซิเจนน้อยกับบริเวณพื้นราบที่มีปริมาณออกซิเจนมากกว่า เป็นต้น หรือหากมีออกซิเจนละลายในน้ำทะเล และน้ำทะเลได้รับความร้อน ก็จะสังเกตได้ว่าเปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนในอากาศจะเพิ่มขึ้นอยู่ระหว่าง 21-30% ได้เลยทีเดียว (ออกซิเจนละลายในน้ำได้มากกว่าไนโตรเจนประมาณสองเท่า) นอกจากนี้เรายังสามารถแยกก๊าซแต่ละชนิดในอากาศออกจากกันได้ด้วยวิธีทางกายภาพอีกด้วย อากาศจึงนับเป็นสารเนื้อผสม