Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Grammar: กฎความสอดคล้องของสรรพนามกับนามหรือสรรพนามที่กล่าวครั้งแรก (Pronoun-Antecedent Agreement)

Posted By Plook Creator | 30 พ.ย. 61
54,470 Views

  Favorite

สรรพนาม (Pronoun) เป็นหนึ่งใน Part of Speech ที่เรารู้จักกันมาตั้งแต่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ และนอกจากนี้เพื่อให้เข้าใจและใช้แกรมม่าอย่างถูกต้อง จำเป็นต้องรู้ถึงกฎความสอดคล้องของสรรพนามกับนามหรือสรรพนามที่กล่าวครั้งแรก (Pronoun-Antecedent Agreement) ด้วย

จะเข้าใจกฎความสอดคล้องของสรรพนามได้ ก็ต้องเข้าใจก่อนว่าสรรพนาม  (Pronoun) คืออะไร

สรรพนาม (Pronoun) คือ คำที่ใช้แทนคำนาม (คน, สัตว์, สิ่งของ, สถานที่) เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำซาก ซึ่งสรรพนามแบ่งออกเป็น 7 ชนิด คือ
1. Personal Pronoun (บุรุษสรรพนาม) คือ สรรพนามที่ใช้เรียกแทน บุคคล, สัตว์, สิ่งของที่พูดถึง แบ่งเป็น 3 บุรุษ คือ บุรุษที่ 1 (I, We), บุรุษที่ 2 (You), บุรุษที่ 3 (He, She, It, They)
 

 

Subject Form
(รูปประธาน)

Object Form
(รูปกรรม)

Singular

I, You, He, She, It

Me, You, Him, Her, It

Plural

We, You, They

Us, You, Them

   

Ex. I read a book yesterday. It was written by Haruki Murakami.
     (เมื่อวานฉันอ่านหนังสือ มันถูกเขียนโดยฮารุกิ มุราคามิ)

Ex. Look at me.
     (มองฉันสิ)

2. Possessive Pronoun (สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ) คือ สรรพนามที่ใช้แทนคำนามเมื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ได้แก่
 

Possessive Pronoun

Adjective

Pronoun

my

mine

your

yours

his

his

her

hers

its

its

your

yours

our

ours

their

theirs

   

Ex. My friend lives in Hokkaido.
     (เพื่อนของฉันอาศัยอยู่ที่ฮอกไกโด)

Ex. This bag is mine.
     (กระเป๋าใบนี้เป็นของฉัน)

3. Reflexive Pronoun (สรรพนามตนเอง) คือ สรรพนามที่แสดงตนเอง ใช้บอกว่าทำสิ่งใดด้วยตัวเอง ได้แก่

Personal Pronoun

Reflexive Pronoun

I

myself

you

yourself

he

himself

she

herself

it

itself

you

yourselves

we

ourselves

they

themselves

   

Ex. Tom introduced himself.
     (ทอมแนะนำตัวเอง)

Ex. I did my homework myself.
     (ฉันทำการบ้านด้วยตัวฉันเอง)


ตารางสรุปคำสรรพนาม (Pronoun)

 

Personal Pronoun

Possessive Pronoun

Reflexive Pronoun

Subject Form

Object Form

Adjective

Pronoun

Singular

I

me

my

mine

myself

you

you

your

yours

yourself

he

him

his

his

himself

she

her

her

hers

herself

it

it

its

its

itself

Plural

you

you

your

yours

yourselves

we

us

our

ours

ourselves

they

them

their

theirs

themselves



4. Definite Pronoun หรือ Demonstrative Pronoun (สรรพนามเจาะจง) คือ สรรพนามที่ชี้เฉพาะเจาะจง ได้แก่ this, that, these, those

Ex. This is our new product.
     (นี่คือผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเรา)

Ex. Do you know those children?
     (คุณรู้จจักเด็กพวกนั้นไหม)

5. Indefinite Pronoun (สรรพนามไม่เจาะจง) คือ สรรพนามใช้แทนคำนามทั่ว ๆ ไปไม่ชี้เฉพาะเจาะจง ได้แก่ some, someone, somebody, something, anyone, anybody, anything, everyone, everybody, everything, one, no one, nobody, nothing, each, another, either, neither, others, many, much, more, most, both, few, fewer, little, several, less, all, such, any, none

Ex. Each of us has a ticket.
     (พวกเราแต่ละคนมีตั๋ว)

Ex. I don’t know anything about it.
     (ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย)

6. Interrogative Pronoun (ปุจฉาสรรพนาม/สรรพนามคำถาม) คือ สรรพนามที่ใช้ในการตั้งคำถาม ได้แก่ What, Which, Who, Whom, Whose, Whoever, Whomever, Whatever, Whichever

Ex. Who told you?
     (ใครบอกคุณ)

Ex. Which shoes are yours?
     (รองเท้าคู่ไหนคือของนาย)

7. Relative Pronoun (สรรพนามเชื่อมความ) คือ สรรพนามที่ใช้แทนคำนามในประโยคหน้าและความประโยคหลังให้มีความหมายไปทางเดียวกัน ได้แก่ Who, Whom, Whose, Which, That

Ex. There is a boy who is running in the park.
     (มีเด็กผู้ชายที่กำลังวิ่งอยู่ในสวน)

Ex. She is a girl whom I invited to the party.
     (เธอคือผู้หญิงคนที่ฉันเชิญมางานปาร์ตี้)


กฎความสอดคล้องของสรรพนามกับนามหรือสรรพนามที่กล่าวครั้งแรก (Pronoun-Antecedent Agreement)

รู้จักชนิดของสรรพนามกันแล้ว และนี่คือกฎความสอดคล้องของสรรพนาม ซึ่งจะมีความเกี่ยวเนื่องกับกฎความสอดคล้องระหว่างประธานกับกริยา (Subject – Verb Agreement) ด้วย
1. Personal Pronoun (บุรุษสรรพนาม) ต้องสอดคล้องกับ Antecedent (คำนามหรือสรรพนามที่กล่าวครั้งแรก) ทั้งในเรื่องของจำนวน, บุคคล และเพศ ซึ่งถ้าเป็นเอกพจน์ก็ต้องเอกพจน์ทั้งคู่ หรือถ้าเป็นพหูพจน์ก็ต้องเป็นพหูพจน์ทั้งคู่

Singular: Mana finished his homework.
            (มานะทำการบ้านของเขาเสร็จแล้ว)
**Mana คือ Antecedent เพศชาย เป็นเอกพจน์ จึงใช้ Pronoun ‘his’

Plural: The students finished their homework.
         (พวกนักเรียนทำการบ้านของพวกเขาเสร็จแล้ว)
**The students คือ Antecedent พหูพจน์ จึงใช้ Pronoun ‘their’

2. เมื่อ Indefinite Pronoun (สรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง) เป็น Antecedent (คำนามหรือสรรพนามที่กล่าวครั้งแรก) มีกฎคือ
    2.1. Indefinite Pronoun (สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ) ที่เป็นเอกพจน์เสมอ : another, anything, everybody, neither, one, anybody, each, everyone, nobody, somebody, anyone, either, everything, no one, someone ถูกกล่าวถึงก่อน ดังนั้นสรรพนามที่จะมาแทนก็ต้องเป็นเอกพจน์

     Ex. Everyone can say anything he or she wants about me.
          (ทุกคนสามารถพูดเรื่องต่าง ๆ ตามที่เขาหรือเธอต้องการเกี่ยวกับตัวฉัน)
**Everyone เป็นสรรพนามไม่ชี้เฉพาะเอกพจน์ จึงใช้สรรพนามเอกพจน์ he or she

     2.2. Indefinite Pronoun (สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ) ที่เป็นพหูพจน์เสมอ : both, few, many, several ถูกกล่าวถึงก่อน ดังนั้นสรรพนามที่จะมาแทนก็ต้องเป็นพหูพจน์

     Ex. Many students improved their English speaking.
          (นักเรียนจำนวนมาได้พัฒนาการพูดภาษาอังกฤษของพวกเขา)

     2.3. Indefinite Pronoun (สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ) ที่เป็นได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ : all, any, half, more, most, part, some ถูกกล่าวถึงก่อน ดันนั้นสรรพนามที่จะมาแทนต้องสอดคล้องกันดังนี้
          - เมื่อกรรมของบุพบทเป็นนามนับไม่ได้ ต้องใช้สรรพนามที่เป็นเอกพจน์มาแทน
            Ex. Some of the sugar fell out of its bag.
                 (น้ำตาลบางส่วนหกออกจากถุงของมัน)
**น้ำตาลเป็นคำนามนับไม่ได้ จึงใช้สรรพนามที่เป็นเอกพจน์มาแทน

         - เมื่อกรรมของบุพบทเป็นนามนับได้ ต้องใช้สรรพนามที่เป็นพหูพจน์มาแทน
            Ex. All the students have received their school reports.
                (นักเรียนทุกคนได้รับสมุดพกของพวกเขา)
**นักเรียนเป็นคำนามนับได้ จึงใช้สรรพนามที่เป็นพหูพจน์มาแทน

3. เมื่อประธานของประโยคมีสองบุคคลและเชื่อมด้วย and ต้องแทนด้วยสรรพนามที่เป็นพหูพจน์

Ex. Aphisit and Sudarat reported the problem to their supervisor.
     (อภิสิทธิ์และสุดารัตน์รายงานปัญหาแก่หัวหน้าของพวกเขา)

4. เมื่อ Antecedent (คำนามหรือสรรพนามที่กล่าวครั้งแรก) มีสองบุคคลที่เป็นเอกพจน์และเชื่อมด้วย or หรือ nor ต้องแทนด้วยสรรพนามที่เป็นเอกพจน์

Ex. Neither Aruna nor Kanya will join her friend.
     (ทั้งอรุณาและกันยาจะไม่ไปกับเพื่อนของเธอทั้งคู่)

แต่บางครั้งกฎข้อนี้ก็ทำให้ประโยคดูแปลกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ เช่น Neither Jay nor May will join his or her friend. ดังนั้นเราควรเขียนประโยคใหม่ที่ดีกว่าว่า Jay and May won’t join their friend.

5. เมื่อมี Antecedent (คำนามหรือสรรพนามที่กล่าวครั้งแรก) ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์แล้วเชื่อมกันด้วย or, either…or, neither…nor คำสรรพนามจะสอดคล้องกับ Antecedent ที่อยู่ใกล้ที่สุด

Ex. Either the supervisor or the subordinates will present their project.
     (ไม่หัวหน้าก็พวกลูกน้องนี่แหละที่จะพรีเซนต์โปรเจ็คของพวกเขา)

Ex. Either the subordinates or the supervisor will present his or her project.
     (ไม่พวกลูกน้องก็หัวหน้านี่แหละที่จะพรีเซนต์โปรเจ็คของเขาหรือเธอ)  

6. เมื่อ Collective noun (คำนามที่บ่งบอกถึงการรวมตัวกันของคำนาม) เช่น army, audience, class, club, committee, crowd, flock, group, herd, jury, orchestra, public, swarm, team, troop เป็น Antecedent (คำนามหรือสรรพนามที่กล่าวครั้งแรก) จะแทนด้วยสรรพนามเอกพจน์ถ้าทั้งกลุ่มทำกิจกรรมนั้นทั้งหมด และใช้สรรพนามพหูพจน์เพื่อเน้นสมาชิกแต่ละคน

Ex. The jury read its verdict.
     (คณะลูกขุนอ่านคำตัดสินของเขา)
**เป็นการทำทั้งกลุ่มจึงใช้สรรพนามเอกพจน์

Ex. The jury gave their individual opinions.
(ขณะลูกขุนให้ความคิดเห็นของพวกเขาแต่ละคน)

เพื่อไม่เป็นการสับสน ให้ใช้คำว่า members ตามหลัง Collective noun เมื่อต้องการพูดการกระทำแต่ละคนในกลุ่ม เช่น The jury members gave their individual opinions. (สมาชิกคณะลูกขุนให้ความเห็นของพวกเขาแต่ละคน)

7. he, his, him ใช้แทน Antecedents ที่เป็นผู้ชาย  she, her, hers ใช้แทน Antecedents ที่เป็นผู้หญิง it, its คือคำกลาง ๆ แต่ใช้แทนคนไม่ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษาที่แบ่งแยกเพศ ดังนั้นเมื่อ Antecedent รวมทั้งชายและหญิงให้ใช้สรรพนาม his or her

Ex. Wasin visited his grandmother.
     (วศินไปเยี่ยมย่าของเขา)
**his เป็นสรรพนามแทน Wasin ที่เป็นผู้ชาย

Ex. Ploy always has her nails beautifully done.
     (พลอยทำเล็บของเธอให้สวยอยู่เสมอ)
**her เป็นสรรพนามแทน Ploy ที่เป็นผู้หญิง

Ex. My dog often scratches its body.
     (น้องหมาของฉันเกาตัวมันบ่อย ๆ)
**its เป็นสรรพนามแทน dog

Ex. Every student wants to impress his or her professors.
     (นักเรียนทุกคนอยากสร้างความประทับใจแก่อาจารย์ของเขาหรือเธอ)
**his or her เป็นสรรพนามแทน Every student ที่มีทั้งเพศหญิงและชาย

8. Personal Pronoun (บุรุษสรรพนาม) ต้องสอดคล้องกับบุคคลด้วย Antecedent (คำนามหรือสรรพนามที่กล่าวครั้งแรก) ของมันเอง Indefinite Pronoun (สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ) ส่วนใหญ่เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 และต้องการ Personal Pronoun (บุรุษสรรพนาม) บุรุษที่ 3 เช่นกัน

Ex. Everyone in my English class does his or her homework.
     (ทุกคนในชั้นเรียนภาษาอังกฤษของฉันทำการบ้านของเขาหรือเธอ)
**Everyone เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 เอกพจน์ จึงใช้ his or her ที่เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 เอกพจน์

Ex. Many of the students in my English class do their homework.
     (นักเรียนหลายคนในชั้นเรียนภาษาอังกฤษของฉันทำการบ้านของพวกเขา)
**Many เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 พหูพจน์ จึงใช้ their ที่เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 พหูพจน์

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 44 Followers
  • Follow