จริงอยู่ค่ะว่า ผ้าห่ม เป็นเครื่องนอนที่ให้ความอบอุ่นทางร่างกาย เด็ก ๆ จึงชอบที่จะห่มนอนเพื่อให้รู้สึกสบายผิว แต่อันที่จริงแล้ว ผ้าห่ม ยังมีผลต่อพัฒนาการและเสมือนเป็นเครื่องมือสร้างความอบอุ่นทางจิตใจให้กับเด็ก ๆ ได้ด้วยล่ะค่ะ เหตุผลเป็นเพราะอะไรนั้น วันนี้ครูพิมจะมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
สำหรับเด็กเล็ก ๆ นั้น การอยู่ห่างจากพ่อแม่หรือคนที่เขาไว้ใจในช่วงเวลานาน ๆ (หรืออาจจะไม่นานมาก) สามารถเป็นสาเหตุแห่งความกังวลหรือความเครียดในเด็กได้ค่ะ การมีผ้าห่มหรือสิ่งที่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับเขา ทำให้เด็กรู้สึกเสมือนว่า ยังอยู่ในอ้อมอกแม่ แม้ว่าเขาจะรู้ว่านั่นไม่ใช่อ้อมอกแม่จริง ๆ ก็ตาม แต่ก็เป็นความรู้สึกอุ่นใจในแบบฉบับของเด็กเล็ก ๆ นั่นเองค่ะ
เพราะเด็ก ๆ เชื่อมโยงผ้าห่มเหล่านั้นกับความรู้สึกปลอดภัย เมื่อมีผ้าห่มที่เด็ก ๆ ชื่นชอบติดตัวอยู่ด้วย ทำให้เด็กลดความกังวลลง และสามารถที่จะโฟกัสกับกิจกรรมอื่น ๆ ได้ ทำให้ดูเหมือนว่ามีความมั่นใจมากขึ้นนั่นเองค่ะ
ส่วนนี้อาจจะมีความเป็นวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง และไม่ใช่เพียงแค่เด็กเท่านั้น เพราะการได้กลิ่นสิ่งที่เราคุ้นเคยหรือคนที่เรารัก ทำให้เรารู้สึกดีได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ และกลิ่นของผ้าห่มมักจะมีกลิ่นนมแม่หรือกลิ่นตัวของคุณแม่ติดอยู่ด้วย ส่งผลให้เด็ก ๆ ยิ่งติดผ้าห่มผืนนั้น ๆ นั่นเอง (และแน่นอนว่า บางครั้งก็เป็นคุณแม่เองที่ติดกลิ่นของลูก ๆ ใช่ไหมล่ะคะ)
สำหรับเด็กเล็ก ๆ นั้น การติดผ้าห่ม ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลยค่ะ แต่ยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า เด็ก ๆ เรียนรู้และเข้าใจความหมายของความผูกพันในเบื้องต้นแล้ว แต่เป็นรูปแบบของการเชื่อมโยงกับสิ่งของนั่นเองค่ะ
หลาย ๆ ครั้ง เราจะเห็นได้ว่า เด็ก ๆ รู้สึกสงบลงจากการหวีดร้องหรือหงุดหงิดใจจากอะไรบางอย่าง หลังจากที่ได้รับความอบอุ่นจากผ้าห่มคู่ใจของเขา นั่นคือเด็ก ๆ สามารถที่จะปรับอารมณ์ตนเองได้ในเบื้องต้น โดยใช้วัตถุหรือสิ่งของอื่น ๆ เป็นเครื่องมือนั่นเองค่ะ เพราะสำหรับเด็กเล็ก ๆ นั้น การให้เสงบจิตสงบใจด้วยตนเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย (ข้อนี้ครูพิมคิดว่าผู้ใหญ่อย่างเราก็เช่นกัน)
ครูพิม ณัฏฐณี สุขปรีดี
นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กเล็กและการเลี้ยงลูกเชิงบวก