ไข่มุก (Pearl) ไม่ใช่ไข่ของสัตว์ แต่ด้วยลักษณะทรงกลม ทำให้เรียกแต่เริ่มเดิมทีว่า ไข่ สามารถพบได้ในตัวหอยมุกหรือหอยนางรม (Oyster) กล่าวคือ เป็นหอยนางรมสายพันธุ์ที่สร้างไข่มุกได้ดี ทั้งนี้การสร้างหรือผลิตไข่มุกตามธรรมชาตินั้นไม่ได้เป็นความตั้งใจสร้างอัญมณีหรือของมีค่า แต่เป็นการกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปอยู่ในตัวของมันต่างหาก โดยเริ่มต้นขึ้นจากชุมชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำซึ่งทำการประมงในทวีปเอเชีย ได้ค้นพบเม็ดไข่มุกจากการทำการประมง และจากลักษณะที่สวยงามของมันก็ทำให้มันมีราคาค่างวดขึ้นมา
การผลิตไข่มุกในปัจจุบันได้กลายเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จากการที่เราเข้าใจในธรรมชาติของการเกิดมุก ไข่มุกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นไข่มุกเกรดสูงที่หายากและมีราคาแพง มันเกิดจากเศษวัสดุขนาดเล็กอย่างเช่น เม็ดทรายหรือเศษหินเล็ดลอดเข้าไปอยู่ในเปลือกหอยด้วยความบังเอิญ แต่เม็ดทรายหรือเศษหินดังกล่าวได้สร้างความระคายเคืองให้กับตัวหอย จึงทำให้มันสร้างชั้นแคลเซียมมาห่อหุ้มสิ่งแปลกปลอมนี้เอาไว้ และเมื่อเวลาผ่านไปการเคลือบก็พอกพูนขึ้นจนเกิดเป็นไข่มุก
รูปร่างของไข่มุกธรรมชาติอาจจะไม่กลมสวย เพราะรูปร่างของเม็ดมุกขึ้นอยู่กับวัสดุแปลกปลอมตั้งต้น สีของไข่มุกเองก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของหอยมุก ซึ่งอาจจะมีสีขาวสว่าง ขาวนวล ขาวอมเหลือง อมชมพู หรือแม้แต่สีดำเงา เมื่อความต้องการไข่มุกเพิ่มขึ้นแต่ไข่มุกธรรมชาติไม่สามารถตอบสนองได้ทั้งหมด และมีราคาสูงขึ้นมาก จึงเกิดเป็นมุกเลี้ยง
ด้วยความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการกำเนิดของไข่มุกและสมัยนี้มุกส่วนใหญ่ที่พบได้ในท้องตลาดล้วนแต่เป็นมุกเลี้ยง สิ่งที่ต่างก็คือหอยมุกจะได้รับการเลี้ยงดูในฟาร์ม มีการควบคุมคุณภาพน้ำและอาหารอย่างเป็นระบบ สิ่งแปลกปลอมต้นกำเนิดซึ่งทำให้หอยมุกระคายเคืองจนต้องสร้างสารมาเคลือบ เป็นสิ่งที่ผู้เพาะเลี้ยงจงใจใส่เข้าไปเพื่อให้ถูกเคลือบโดยเฉพาะ โดยอาจจะเป็นลูกปัดกลม เพื่อให้ไข่มุกมีลักษณะเป็นทรงกลม เป็นต้น
การควบคุมขนาดและคุณภาพของไข่มุกก็จะสามารถทำได้โดยง่าย ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงสามารถได้ไข่มุกที่มีขนาดและรูปร่างตรงตามความต้องการของตลาด แหล่งเพาะเลี้ยงหอยมุกและไข่มุกอยู่ในเขตทะเลจีนใต้ จีน และญี่ปุ่น ลักษณะของไข่มุกที่ได้จากการเพาะเลี้ยงก็มีเนื้อเหมือนกับไข่มุกธรรมชาติทุกประการ เพียงแต่จะมีความแตกต่างเล็กน้อยในเนื้อของไข่มุกซึ่งและผิวที่อาจจะขรุขระอยู่บ้าง
ดังนั้น จะว่าไปแล้วไข่มุกที่เห็นสวย ๆ เกิดจากสิ่งแปลกปลอมเข้าไปตกอยู่ในเปลือกหอย ระบบภูมิคุ้มกันของหอยจึงสร้างแนกเกอ (Nacre) ซึ่งประกอบไปด้วย แคลเซียมคาร์บอเนตหรือหินปูนมาเคลือบเอาไว้ เนื่องจากมันกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไปไม่ได้ และแนกเกอนี้ก็เป็นสารตัวเดียวกันกับที่หอยใช้สร้างเปลือกของมันเช่นกัน