Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

How to get A+ เกรดสวยได้ถ้าเตรียมตัวเป็น

Posted By Plook Magazine | 19 พ.ย. 61
8,818 Views

  Favorite

การสอบให้ได้คะแนนดีที่สุดไม่มี ‘สูตรสำเร็จ' สูตรไหนที่คนอื่นว่าดีก็อาจไม่เหมาะกับเรา หรือสูตรไหนที่ใครว่าไม่โอเคก็อาจจะเหมาะกับเราก็ได้ เช่น เราถนัดอ่านหนังสือตอนเช้ามากกว่าอ่านตอนเย็น ชอบอ่านคนเดียวมากกว่าอ่านเป็นกลุ่ม เป็นต้น ซึ่งการเรียนรู้ข้อแตกต่างของการอ่านหนังสือก็จะทำให้เราพบวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด แทนที่จะ ‘อ่านให้หนัก’ ก็ปรับมาเป็น ‘อ่านให้เป็น’ กันดีกว่า

 

 

ก่อนสอบ

ก่อนสอบ

ช่วงก่อนสอบถือเป็นช่วงที่เราต้องตักตวงความรู้จากการอ่านให้ได้มากที่สุด ซึ่งการอ่านในแต่ละสถานที่และเวลาที่ต่างกันล้วนมีผลกับความจำ มาดูข้อดีของการอ่านหนังสือแต่ละแบบเพื่อจะได้นำไปปรับใช้ให้การอ่านของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

อ่านเช้า VS อ่านดึก

อ่านเช้า

• ช่วง 05.00-10.00 น. เป็นเวลาที่เหมาะกับการอ่านหนังสือตอนเช้า

• สมองปลอดโปร่งและตื่นตัว พร้อมเรียนรู้และจดจำ

• แสงจากธรรมชาติในช่วงเช้าจะช่วยให้ร่างกายอยู่ในโหมดตื่นตัว ดีต่อสายตา และมีสมาธิ

 

อ่านดึก

• ช่วง 20.00-23.00 น. เป็นเวลาที่เหมาะกับการอ่านหนังสือตอนดึก

• ช่วงเวลาก่อนนอน เป็นช่วงนาทีทองที่สมองจะปลอดโปร่ง และจดจำได้ดี

• มีสิ่งเร้ากวนสมาธิน้อยกว่า จึงมีแนวโน้มจะโฟกัสได้ดี

 

 

อ่านฉายเดี่ยว VS อ่านกับเพื่อน

อ่านฉายเดี่ยว

• การอ่านคนเดียวจะทำให้อ่านได้เร็วกว่า

• ยิ่งอยู่กับตัวเองมากเท่าไหร่ ยิ่งมีสมาธิมาก เพราะสิ่งเร้ารบกวนน้อย

• ลืมยากเพราะศึกษาหาคำตอบเอง กลายเป็นความรู้ในระยะยาว  

• กลับไปอ่านทวนได้ทุกเมื่อ ศึกษาเพิ่มเติมในจุดที่ตัวเองอ่อนได้เลยทันที

 

อ่านกับเพื่อน

• มีแรงกระตุ้นซึ่งกันและกัน ปลุกไฟแห่งความขยันให้ลุกโชนได้   

• มีบรรยากาศที่สนุกสนาน ทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อเหมือนเคย

• หากจำผิด เพื่อนสามารถทักท้วงและให้คำตอบที่ถูกต้องได้ทันที

• มีคนช่วยคิดหาคำตอบ สามารถผลัดกันถามตอบเรื่องที่เรียนได้

• ประหยัดเวลาในการอ่านมาก

 

 

อ่านที่บ้าน VS อ่านที่คาเฟ่

อ่านที่บ้าน

• บรรยากาศที่เป็นส่วนตัว กลิ่นที่เคยชินจะทำให้เราโฟกัสได้ดีเยี่ยม

• สามารถตัดสิ่งรบกวนต่าง ๆ ออกไปได้ด้วยตัวเอง เช่น โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

• จัดโต๊ะเก้าอี้ให้เหมาะกับตัวเองได้ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองต่อมรับรู้และความจำช่วยให้ตื่นตัวและไม่ง่วง

• เหมาะกับการอ่านยาว ๆ วิชาที่ต้องทำความเข้าใจมาก

 

อ่านที่คาเฟ่

• สถานที่ใหม่ ๆ จะทำให้มีสมาธิอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียวจริง ๆ

• คาเฟ่มีเสียงรบกวนที่น่าฟัง ซึ่งร่างกายเราจะเปลี่ยนเสียงรบกวนให้เป็นตัวช่วยสร้างสมาธิ

• เหมาะกับการอ่านแบบ short note และการอ่านในวิชาที่เหลือเวลาเตรียมตัวน้อย

 

One night miracle มีจริงไหมหนอ ?

         การอ่านหนังสือให้จบภายใน 1 คืนก่อนสอบ หรือที่เราเรียกว่า  ‘one night miracle’ จะทำให้เราจำได้แค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น
ดีไม่ดีลืมระหว่างที่ทำด้วยซ้ำ เพราะประสิทธิภาพในการประมวลผลของสมองทำงานไม่ทันกับข้อมูลที่เรายัดเข้าไปเยอะ ๆ 

 

 

ขณะสอบ

ขณะสอบ  

ระหว่างนั่งสอบนั้น สิ่งที่เราจะเจอตรงหน้าคือข้อสอบ ไม่ว่าจะเป็นข้อสอบอัตนัยหรือปรนัย เอาเป็นว่าถึงจะอ่านมาเท่ากัน แต่คะแนนของคนที่รู้เทคนิคในการทำข้อสอบก็จะสูงกว่าอยู่ดี

 

ข้อสอบอัตนัย

• เขียนสิ่งที่เราจำได้ลงไปก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้คำถามในข้อสอบทำให้เราสับสน

• แบ่งเวลาทำข้อสอบ เช่น มีคำถาม 6 ข้อ กับเวลาทำ 3 ชั่วโมง ก็ต้องหารเวลาทำให้แต่ละข้อเท่า ๆ กัน

• ทำข้อที่ง่ายก่อน ให้เลือกทำข้อที่ทำได้หรือแม่นก่อน เพื่อจะได้มีเวลาเหลือสำหรับข้อที่คิดว่ายาก

• ตอบในสิ่งที่ผู้ออกข้อสอบต้องการ อ่านคำสั่งให้ดี เช่น ให้เปรียบเทียบ ให้อธิบายความหมาย หรือให้วิจารณ์ เป็นต้น


ข้อสอบปรนัย

• กำจัดคำตอบที่ผิดอย่างเห็นได้ชัดออกไปก่อน เพื่อให้เหลือตัวเลือกน้อยลง

• คำตอบที่มีความหมายคล้ายคลึงกัน มักจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง แต่เป็นคำตอบที่ตรงข้ามกันหรือขัดแย้งกัน

• คำตอบที่กินความหมายกว้างมักถูกต้อง มากกว่าคำตอบที่เฉพาะเจาะจง เขียนกว้าง ๆ เข้าไว้  

 

เพิ่มคะแนนด้วยกลยุทธ์เหล่านี้

        - เขียนให้เรียบร้อย เพื่อสร้างความน่าอ่าน เพราะการมองกระดาษคำตอบแว๊บแรกส่งผลต่อการให้คะแนนของผู้ตรวจได้

        - ขีดเส้นเน้นข้อความ ใช้ปากกาสีน้ำเงินหรือสีดำเขียนข้อความ และใช้ปากกาสีสดเน้นข้อความหรือคำตอบที่สำคัญให้เด่นขึ้น       

        - ใช้แผนภาพประกอบการเขียน หรือตารางประกอบ เพราะจะสามารถทำให้ผู้ตรวจเข้าใจความคิดของเรามากขึ้น

        - ตอบทุกคำถามแม้จะรู้น้อย เพราะผู้ตรวจจะพยายามมองหาจุดที่สามารถให้คะแนนเราได้เสมอ

 

 

หลังสอบ

หลังสอบ

ใครที่สอบผ่านก็อย่าหยุดตั้งใจ ส่วนใครที่สอบผ่านแบบฉิวเฉียด หรือสอบตกจนมองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เราอยากให้ลองมาทบทวนตัวเองดูหน่อยว่าตัวคุณเป็นแบบนี้ใช่หรือไม่

 

คนที่สอบผ่านฉิวเฉียด

• อ่านแต่ชีทสรุปของคนอื่น ไม่อ่านด้วยตัวเอง จึงทำได้แค่เท่าที่เพื่อนสรุปมาให้

• ฝึกทำโจทย์ไม่มากพอ เมื่อโจทย์พลิกแพลงก็จะทำไม่ได้

• ไม่รู้ภาพรวมของเนื้อหา จำแค่บางส่วน ไม่รู้ว่าหัวข้อนี้มีหัวข้อย่อยเป็นอะไร

• มีตารางอ่านหนังสือแต่ไม่มีวินัยมากพอที่จะทำตามที่ตั้งไว้ มี passion แต่ยังขาดวินัย

• อย่าคิดว่าโชคช่วย เพราะถ้ามีวินัยมากกว่านี้ก็จะทำให้ภูมิใจในตัวเองมากขึ้น

 

คนที่สอบตก

• สอบตกไม่ได้แปลว่าไม่เก่ง แค่ยังพยายามไม่มากพอ

• อ่านเนื้อหาผ่าน ๆ ไม่ทำแบบฝึกหัด เพราะบางวิชาอ่านอย่างเดียวไม่พอ ต้องฝึกทำโจทย์ด้วย

• ไม่ทบทวนตัวเอง ไม่เคยถามตัวเองว่าวันนี้เรียนอะไรไปบ้าง เข้าใจอะไร ไม่เข้าใจอะไร จนดินพอกหางหมู

• นึกอยากอ่านอะไรก็อ่าน อยากทำอะไรก็ทำ ไม่มีตารางอ่านหนังสือที่ชัดเจน

• ไม่ขยันอ่านและไม่ขยันไปติวกับเพื่อนเลย

 

 

แหล่งข้อมูล

- ฝ่ายวิชาการบิสคิต. ฟัง คิด อ่าน เขียน รวมทุกศาสตร์เพื่อทำให้คุณฉลาด. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บิสคิต, 2553.

- ยุดา รักไทยและปานจิตต์ โกญจนวรรณ. คนเก่งเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บิสคิต, 2557.

- 7 Significant Benefits of Being a Homebody. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2561 จาก https://www.hoppler.com

- STUDYING ALONE. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2561 จาก http://www.flinders.edu.au

- Why Do People Study At Coffee Shops?. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2561 จาก https://www.theodysseyonline.com

- Study Alone vs. Group Study. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2561 จาก https://sites.psu.edu

 

 

เรื่อง : วัลญา นิ่มนวลศรี

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow