ต้องขอเกริ่นก่อนเลยนะคะว่าก่อนที่จะได้มาฝึกงานประชาสัมพันธ์ หนูแทบไม่ทราบว่าเป็นงานเกี่ยวกับอะไรแต่หนูเข้าใจว่างานนี้น่าจะเป็นงานคล้าย ๆ กับที่พี่ ๆ ในห้างพูดออกไมค์หรือไม่ก็คอลเซ็นเตอร์อะไรประมาณนั้นแล้วด้วยความที่ใจหนูก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบงานอะไรจริง ๆ เลยอยากที่จะค้นหาตัวเองให้มากกว่านี้ ตอนที่สมัครก็เลือกเลยเลือกนักประชาสัมพันธ์เพราะอยากพูดออกไมค์เวอร์มันดูน่าจะสนุกดี และเมื่อถึงวันประกาศรายชื่อ หนูก็เลื่อนหาชื่อตัวเองแบบหมดหวังเพราะคิดว่าไม่น่าติดแล้วแหละ แต่พอเห็นชื่อตัวเอง ( และรายชื่อผู้ร่วมชะตากรรมอีก 3 คน ) ก็เลยงง ฟีลประมาณว่าเอ๊อะติดได้ไงอ่ะ55555 แต่พอได้มาเข้าร่วมโครงการนี้ก็ทำให้หนูมีความคิดและมุมมองในหลาย ๆ ด้านที่เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปยังไงหล่ะ ก็ไปชมวันที่พวกเราฝึกงานกันเลย!!!
นักประชาสัมพันธ์หรือ PR มีหน้าที่วางแผนและดำเนินการประชาสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อเสริมสร้างให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร โดยรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลและเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางสื่อต่าง ๆ หรืออาจจะเขียนบทความพิเศษด้วยการสัมภาษณ์บุคคลต่าง ๆ ในองค์กร การติดต่อพบปะกับสื่อมวลชนและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อมวลชน การประสานการดำเนินงานต่าง ๆ
ดังนั้นสิ่งที่นักประชาสัมพันธ์ควรมีหลัก ๆ เลยก็คือ การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มองโลกในแง่บวก กล้าที่จะพูดและพูดในสิ่งที่ดี มีไหวพริบที่ดีและตื่นตัวตลอดเวลา มีความละเอียดและความรอบคอบ
แน่นอนค่ะว่าการมาฝึกงานประชาสัมพันธ์ครั้งแรกของหนูในครั้งนี้กับบริษัทที่มีชื่อเสียงถือว่าเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นเลยทีเดียว
มาเริ่มกันที่วันแรกเลยและแน่นอนค่ะพวกเรานัดกันมาที่ตึกเวลา 07.30 น. เพื่อคุยเรื่องงานที่เราจะทำด้วยกันตลอดวันที่ฝึกงาน เมื่อถึงเวลาพี่เลี้ยงก็พาขึ้นตึกที่พวกเราจะได้ฝึกงานกัน และแน่นอนค่ะวันแรกจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการแนะนำตัว ทำความรู้จักกับพี่ ๆ ที่น่ารักในแผนกประชาสัมพันธ์และได้ฟังการอธิบายงานต่าง ๆ ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ต้องทำกันในทุก ๆ วัน หลังจากฟังรายละเอียดต่าง ๆ ครบนั้นพวกเราทุกคนก็สมองขาวโพลนไปแล้วเรียบร้อยเพราะพวกเราคิดเหมือนกันทุกคนว่างานประชาสัมพันธ์คืองานที่ต้องพูดหน้าไมค์
ช่วงบ่ายพวกเราแบ่งออกเป็น 2 ทีม ทีมละ 2 คน ซึ่งหนูได้ไปงาน " TrueMove H Present I AM NONT TANONT THE FIRST CONCERT " หรือจะเรียกสั้น ๆ ว่า งานแถลงข่าวคอนเสิร์ตครั้งแรกของธนนท์ ( นนท์ The Voice , หน้ากากเป็ดน้อย ) และมี Season Five เป็นแขกรับเชิญในงานครั้งนี้ หน้าที่ของพวกเราสองคนคือการสังเกตการณ์งานของพี่ ๆ PR ว่าถ้ามีงานแบบนี้พี่ ๆ ต้องทำอะไรในงานบ้าง และเมื่อจบงานพวกเราก็ได้ฟังพี่ PR ที่เป็นผู้รับผิดชอบงานนี้ได้อธิบายหน้าที่ว่าต้องอะไรบ้างในงานทั้งหมดทำให้พวกเราได้เรียนรู้และรับข้อมูลอีกมากมาย
มาถึงวันที่ 2 พวกเราได้มาถึงตึกช่วงประมาณ 7 โมงกว่า ๆ เพื่อทำ New Clipping ประจำวันกันในช่วงเช้าและเมื่อพวกเราได้ดูตัวอย่าง New Clipping เสร็จแล้ว พวกเราก็ไปทำข่าวต่าง ๆ และนำไปเผยแพร่ผ่านทางสื่อออนไลน์ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่ต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบและความถูกต้อง เป็นเช้าที่รู้สึกง่วงมาก ๆ ตาแทบจะปิดแต่พอได้ทำงานไปเรื่อย ๆ ความง่วงก็ค่อย ๆ หายไป
ต่อมาในช่วงบ่ายพวกเราได้ไปทำ Tv Scoop และกิจกรรม TrueCoffee Deaf Barista ที่นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ( ไอติมที่นี้อร่อยมากค่ะแล้วก็มีรสชาติแปลก ๆ ให้ได้ลองทานกันด้วย ) ในงานนี้ทำให้พวกเราก็ได้เห็นพี่ ๆ พนักงาน Deaf Barista หลาย ๆ คนซึ่งพี่ ๆ ทุกคนน่ารักมากยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาและมีความรักและเอาใจใส่กับงานนี้มาก
เมื่อถ่ายทำกันเสร็จ พวกเราก็เดินทางกลับมายังบริษัทเพื่อจัดการเตรียมงานสำหรับพิธีเปิดอบรมนักข่าวสายฟ้าน้อย ปี 2561 สำหรับโครงการนักข่าวสายฟ้าน้อยนั้น เป็นโครงการจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อให้นิสิตนักศึกษาภาควิชาวารสารศาสตร์ นิเทศศาสตร์ และสื่อสารมวลชน ได้ร่วมเรียนรู้สืบทอดเจตนารมณ์ผ่านการฝึกปฏิบัติการทำข่าววิทยุ-โทรทัศน์เสมือนจริง ซึ่งปัจจุบันก็เป็นรุ่นที่ 16 แล้ว
ช่วงเช้าของวันที่ 3 พวกเรามาเช้ากว่าวันที่ 2 นิดหน่อยเพื่อมาเตรียมงานนักข่าวสายฟ้าน้อย ซึ่งหน้าที่ของพวกเราก็ไม่มีอะไรมากแค่ช่วยพี่ ๆ หาชื่อในใบลงทะเบียน แจกถุงผ้าที่มีใบกำหนดการและแจกป้ายชื่อของพี่ ๆ แต่ละคน หลังจากการลงทะเบียนเสร็จพวกเราก็ได้ลงไปนั่งฟังการอบรมเป็นเวลาซักพัก
หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ขึ้นตึกมาเข้าร่วมกิจกรรม One Young World เป็นกิจกรรมที่แลกเปลี่ยนแนวคิดการเปลี่ยนโลกไปสู่ความยั่งยืนใน 5 ประเด็น ซึ่งมีแนวคิดที่ว่าเชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่ในเวทีระดับโลก เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยและโลกให้ดียิ่งขึ้น และยังได้ฟังบรรยายจากคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริหารของทรูคอร์เปอเรชั่น ซึ่งการบรรยายในครั้งนี้หนูรู้สึกประทับใจกับหลาย ๆ ประโยคที่ท่านบรรยายมาก หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ร่วมถ่ายภาพกับคุณศุภชัย นับว่าเป็นเกียรติมากเลยค่ะ
ช่วงบ่ายหลังจากที่รอคอยมานานว่าตอนไหนที่จะได้อัดเสียงและเวลานั้นก็มาถึงซักที พวกเราได้ฝึกการลงเสียงซึ่งแน่นอนว่านี้ก็เป็นหนึ่งในงานของ PR เช่นกันพวกเราคิดว่างานอัดเสียงไม่น่าจะยากขนาดนั้นหรอก แต่พอได้ลองทำจริง ๆ ก็ได้รับรู้เลยว่างานนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเราคิดไว้กันเลย ทั้งการออกเสียง ระดับเสียง โทนเสียง ต้องบาลานซ์กันทุกอย่างและพวกเราทั้งหมดใช้เวลาอยู่ในห้องอัดเสียงกันเป็นเวลา 3 ชั่วโมงกว่าจึงเสร็จสิ้นและที่ขาดไม่ได้เลยคือพี่ง้วง ที่คอยช่วยบอกเทคนิคต่าง ๆ และข้อผิดพลาดของพวกเราที่ควรแก้ไข พวกเรารู้สึกดีใจและขอบคุณมากถ้าไม่ได้พี่ง้วงพวกเราก็อัดเสียงไม่เสร็จภายในวันเดียวแน่ ๆ
และก็มาถึงวันสุดท้ายของการทำงานก็มาถึงรู้สึกเวลามันผ่านไปไวมากและก็รู้สึกสนุกไม่อยากให้จบเลย ในตอนเช้าพวกเราก็มากันแต่เช้าเพื่อมาดูพี่ ๆ ทำ New Clipping ของวัน หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ไปพักผ่อนซักพักและออกเดินทางเพื่อไปมอบกระเช้าครบรอบ 32 ปีสื่อหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ และกลับมาบริษัทช่วงบ่ายเพื่อมาต้อนรับคณะเยี่ยมชมจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยลาดกระบัง
หลังจากเสร็จภารกิจต้อนรับเรียบร้อยแล้วพวกเราก็ขึ้นตึกมาหาขุ่นแม่ และขุ่นแม่ก็ได้มอบของที่ระลึกและใบประเมินให้กับพวกเราและก็ได้ถ่ายรูปกับพี่ ๆ ในแผนกประชาสัมพันธ์ด้วยค่ะรู้สึกตื้นตันใจและดีใจมากที่ตัวเองมีโอกาสได้เข้าร่วมในโครงการนี้
จบไปแล้วกับการฝึกงานในอาชีพนักประชาสัมพันธ์ ความคิดตอนแรกที่ว่านักประชาสัมพันธ์ต้องทำอะไรได้หายไปหมดแล้ว ลึก ๆ แล้วมีความสุขและสนุกมากแม้ค่อนข้างที่จะเหนื่อยแต่ก็ไม่อยากกลับเลย รู้สึกว่าการที่ได้มากฝึกงานนี้เป็นอะไรที่ดีมากจริง ๆ ทำให้เราได้รู้ถึงการทำงานของอาชีพนักประชาสัมพันธ์ที่พี่ ๆ ทุกคนตั้งใจและใส่ใจแม้กระทั่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และสุดท้ายนี้หนูอยากจะขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่ได้นำประสบการณ์ดี ๆ มาสอนพวกเราในหลาย ๆ เรื่องที่ยังไม่รู้ หนูรู้สึกนับถือพี่ ๆ ที่ทำงานนี้มากเพราะต้องทำหลายอย่างและมีความละเอียดรอบคอบอีกด้วย และอีกอย่างก็ต้องขอบคุณโครงการนี้ที่ให้สิ่งดี ๆ แก่พวกเราด้วยค่ะ หนูจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาทั้งหมดไปปรับใช้ในอนาคตของหนูค่ะ