1. เราเกรงใจเขา เพราะเขาอยากช่วยเรา
- It’s okay, I don’t want to bother you. (ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากรบกวนคุณ)
- It’s all right. I can handle it. (ไม่เป็นไร ฉันสามารถทำได้)
- Thanks so much. But I really feel bad. (ขอบคุณมาก ๆ เลย แต่ฉันรู้สึกแย่ (เกรงใจ))
- Thanks for your kindness. But It’s okay. (ขอบคุณมาก ๆ สำหรับความใจดีของคุณ แต่ฉันโอเค)
- Are you sure? I really appreciate it. (คุณแน่ใจเหรอ ฉันซึ้งใจจริง ๆ)
- Thank you so much. It is nice of you. (ขอบคุณมาก ๆ เลย คุณนี่ดีจริง ๆ)
จะเห็นได้ว่า 4 ประโยคแรกนั้น ยืนยันว่าไม่ต้องช่วย แต่ 2 ประโยคหลังคือ ช่วยก็ได้ รู้สึกขอบคุณ
ดังนั้น สิ่งที่ทั้ง 6 ประโยคมีเหมือนกัน เมื่อเรารู้สึกเกรงใจที่คนอื่นอยากช่วย ก็คือ การแสดงความขอบคุณก่อน หรือ การบอกว่าเราสามารถรับมือเองได้นั่นเองค่ะ
2. เขาขอให้ช่วย แต่เราเกรงใจ ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรดี ก็เลยทำให้เขา
Ex. I feel obligated to do this for him. ฉันรู้สึกเกรงใจ เลยต้องทำให้เขา
Obligated (adj.) หมายถึง ซึ่งผูกมัด ในประโยคตัวอย่างข้างต้นแปลได้ว่า รู้สึกเป็นภาระเลยต้องทำ สื่อความหมายได้ว่า เกรงใจ เลยต้องทำ (ทั้งที่ไม่อยากทำ)
** แต่อย่าพูดแบบนี้กับคนที่เขาขอให้เราช่วยล่ะ เขารู้ทันหมด ดังนั้น ถ้าเราไม่ไหวจะช่วยจริง ๆ คงต้องสรรหาเหตุผลมาอธิบายเพื่อให้เขารู้ว่าเราไม่สามารถจะช่วยได้นะ เช่น I’m afraid I can’t because… อะไรก็ว่าไปค่ะ ^^
ส่งท้ายด้วยคำว่า Consideration (N.) การนึกถึงความรู้สึกของผู้อื่น และ Considerate (Adj.) ที่นึกถึงจิตใจของผู้อื่น (รู้จักเกรงใจ)
Ex. I love her because she is always considerate person.
(ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นคนที่นึกถึงความรู้สึกของผู้อื่นเสมอ)