แม่มด : มดโตมากับการที่ต้องช่วยแม่ขายของตั้งแต่เด็ก เพราะแม่เป็นแม่บ้านตำรวจที่ทำงานเสริมด้วยการขายแกงที่ตลาด เด็กคนอื่น ๆ ตื่นเช้ามาก็ได้ไปโรงเรียนเลย แต่มดจะต้องตื่นตี 4 มาช่วยแม่เสียบลูกชิ้น ทุกวันนี้อยู่บ้านมดก็ไม่ได้ทำคอนเทนต์อย่างเดียว เพราะต้องไปช่วยแม่ทอดกล้วย เด็ดมะเขือพวง ปอกไข่พะโล้ วันไหนแต่งหน้าจัด ๆ ล้างไม่ทัน เราก็จะออกไปตลาดกับแม่ทั้งแบบนั้นเลย
นินนิน : นินโตมาในครอบครัวที่มีพี่สาวเป็นออทิสติก ตอนแรกพ่อกับแม่นินตัดสินใจว่าจะไม่มีลูกอีกเพราะรู้สึกผิด จนหมอประจำตัวพี่สาวบอกว่า จริง ๆ แล้วเขาควรจะมีน้องสาวจะได้มีเพื่อนเล่น นินเลยได้เกิดมา แต่นินไม่ได้ลำบากอะไรเลย ค่อนข้างสบาย มีอย่างเดียวที่เรารู้สึกว่าต้องทำคือดูแลพี่สาว มันเหมือนเป็นสิ่งที่เรารู้เอง พ่อแม่ไม่ได้บอก แต่มันก็จะมีช่วงที่นินเป็นวัยรุ่นแล้วรู้สึกว่าทำไมคนอื่นมีพี่สอนการบ้านแต่เราไม่มี ทำไมเราต้องดูแลพี่ แต่เพราะมีพี่สาวนะ นินถึงไม่ใจแตก ลึก ๆ แล้วนินจะมีความเป็นห่วงพี่เสมอ จะคิดถึงเขาเวลาทำอะไรไม่ดี หรือจะออกนอกลู่นอกทาง
นินนิน : โอ้โหสุด ๆ เลยนะ ยิ่งเรามีคาแรคเตอร์แบบนี้ ยิ่งเหมือนเป็นเป้าให้คนเข้ามารุม ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้คนเราชอบทำลายความมั่นใจคนอื่น สิ่งแรกที่บิวตี้บล็อกเกอร์จะเจอคือ ไม่สวย แค่นี้เลย นินจะโดนบ่อยมากว่าฟันไม่สวย ไปดัดฟันไป
แม่มด : คือคนชอบทักกันด้วยปมด้อย สมมติเราทำดี 10 อย่าง มี 1 อย่างที่ไม่ดี เขาจะพูด 1 อย่างที่ไม่ดีก่อน ทั้งที่มีอะไรให้ทักตั้งเยอะ แต่เลือกทักว่า อ้วนขึ้นเหรอ เป็นสิวเหรอ เคยคิดไหมว่าคนฟังเขาจะรู้สึกยังไง บางคนใช้ความกล้าตอบกลับแต่อีกฝ่ายก็ยิ่งสวนกลับแรงขึ้นไปอีก แล้วอะไรที่โดนซ้ำ ๆ ทุกวัน คนที่มีความมั่นใจในตัวเองต่ำ จะทนยังไงไหว เขาอาจจะเลือกหัวเราะกลบเกลื่อนที่คุณทำให้เขากลายเป็นตัวตลก แต่ในใจเขาพังไปหมดแล้ว
แม่มด : เราจะคุยกันก่อน แล้วตอบเจตนาที่แท้จริงของเราแค่ครั้งเดียว เราจะไม่ต่อความยาวสาวความยืด แต่กว่าจะได้แบบนี้เราก็จูนกันเยอะ เพราะมีครั้งหนึ่งที่โดนว่าว่าไม่ให้เกียรติสถานที่ใส่ขาสั้นเล่นน้ำตกที่วังเวียง ตอนนั้นมดขายของช่วยแม่อยู่ นินส่งข้อความมาบอกว่ามีคนคอมเมนต์แบบนี้นะ เราก็บอกว่าแป๊บนึงนะ ขายของช่วยแม่อยู่ แต่พอขายของเสร็จประมาณหนึ่งทุ่ม นินมันไปไฟท์สู้กับเขาแล้ว มดห้ามไม่ทัน (หัวเราะ)
นินนิน : จริง ๆ นินเป็นคนใจร้อนมากค่ะ หัวร้อนง่ายมาก แล้วครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เราเจอแบบแรง ๆ เป็นครั้งที่เราพลาด นินได้เรียนรู้เลยว่า การที่นินไปโต้ตอบ มันไม่ได้อะไรเลย คนที่หัวเสียคือนิน เพราะคนที่เขาจะคิดลบ ไม่ว่าเราจะไปอธิบายอย่างจริงใจ บอกเจตนาของเราแค่ไหน เขาก็ไม่ฟังอยู่ดี ครั้งต่อไปเราเลยให้เวลากับเรื่องพวกนี้ไม่เกิน 10 นาทีแล้วจบ
แม่มด : ใช่ เรานิ่งดีกว่า คอมเมนต์ที่เขาเมนต์มาเราเอามาปรับปรุง ถ้ามันมีเหตุผลนะ ส่วนเรื่องที่เราปรี๊ด เราอยากระบาย เราไปคุยกับเพื่อน
นินนิน : มันเหมือนเราได้เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ มีครั้งหนึ่งเราทวิตเรื่องผับเกาหลี คือเราไปผับที่เกาหลี แล้วมีผู้ชายเข้ามาจีบเยอะมาก เราก็ทวิตด้วยภาษาเมาท์ ๆ ของเราปกติเหมือนเพื่อนเมาท์ให้เพื่อนฟัง แต่กลายเป็นว่ามีคนตีความไป 2 แบบ แบบแรกคือดีจังเลย พอไปแบบนี้มันน่าจะสนุกดีนะ แต่อีกแบบคือพวกเธอทำให้ภาพลักษณ์สาวไทยเสีย นินเลยได้เรียนรู้ว่า ภาษาที่เราใช้ในโซเชียลก็สำคัญ ในฐานะที่เรามีคนติดตามเยอะก็ต้องเลือกใช้ภาษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ บางสถานการณ์ภาษามันก็ต้องทางการนิดนึง
แม่มด : เมื่อก่อนเราเจออะไร เห็นอะไร เราจะโพสต์เลย แต่เดี๋ยวนี้เราจะคิดมากขึ้น เราไม่สามารถเป็นตัวเองได้ 100% ในโซเชียล คือมันต้องคิดเยอะมากขึ้น ทั้งการใช้ภาษา อารมณ์ต้องไม่เยอะ หรือแม้แต่การตอบคอมเมนต์เวลาที่มีคนเข้ามาถามเรื่องการโดนแกล้งก็ต้องคิดเยอะมาก ไม่ใช่ตอบไปมั่ว ๆ
แม่มด : เยอะมาก ทั้งในออนไลน์และในชีวิตจริง แต่ส่วนใหญ่จะเจอในชีวิตจริง ทุกคนมากันเครียดมาก จัดเต็ม จนเรามีอารมณ์ร่วมไปด้วย ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นการโดนล้อเรื่องปมด้อย เรื่องรูปร่าง หน้าตา นมแบน อ้วนเเล้วทำไมยังใส่สายเดี่ยว ก้นดำทำไมยังใส่บิกินี่ เรื่องพวกนี้ไม่เคยหนีหายไปสังคมบ้านเราเลย
นินนิน : เรื่องส่วนใหญ่มาจากการที่เขาโดนทำลายความมั่นใจ มาจากการที่เขาโดนแซวแล้วเสียความมั่นใจอย่างรุนแรงจนตั้งหลักไม่ได้ บางคนมาปรึกษาสองรอบ มาเป็นซีรีส์เลยนะคะ ครั้งแรกเราแนะนำให้พูดตรง ๆ เขาก็ทำตาม แต่มันไม่จบแค่นั้นเพราะขนาดเราพูดตรง ๆ เขาก็ยังไม่หยุดแซว น่าเศร้ามาก
นินนิน : คุณธรรมมันได้หายไปแล้วบนโลกโซเชียลนะ เหมือนเราไม่เอาคุณธรรม มารยาทเบื้องต้นมาใช้ในโลกโซเชียลเลย ยิ่งถ้าไม่รู้จักกัน ไม่เห็นหน้า ก็ยิ่งคิดว่าจะทำอะไร จะพูดอะไรก็ได้ แรงแค่ไหนก็ได้
แม่มด : มดว่าเราอยู่ในยุคที่เรามองเห็นความอับอายขายหน้าของคนอื่นเป็นความบันเทิงด้วยค่ะ จากดราม่าดาราที่สื่อนำเสนอ การขุดคุ้ยเรื่องของคนอื่นมาแฉกัน แล้วเราไปเสพมาก ๆ แน่นอนมันก็ทำให้เราคิดว่าไม่เป็นไร มันสนุก มันมันส์ เราเกิดการขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ขาดคุณธรรม ขาดมารยาท และเราก็จะไปแกล้งคนอื่นต่อเพราะคิดว่ามันไม่เป็นไรหรอก
แม่มด : เก่ง (เน้นเสียง) มันเป็นการสร้างอีโก้ที่ผิดให้ตัวเอง คือเขาอาจจะคิดว่า การพูดจาแรง ๆ ไม่สนใคร โจมตีคนอื่นให้เจ็บปวด เขาจะได้รับการยอมรับ เป็นผู้นำ เหมือนได้สร้างอะไรบางอย่าง ทำให้เราชินกับดราม่าและความรุนแรง เด็กส่วนใหญ่จะไม่รู้สึกว่าการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์เป็นเรื่องน่ากลัว บางคนไม่เข้าใจด้วยซ้ำ คิดแค่ว่าลบรูปออกก็จบแล้ว แต่สิ่งที่เราอัปโหลดขึ้นอินเทอร์เน็ตแล้ว มันจะอยู่อย่างนั้นตลอดไป สิ่งที่คุณลบมันก็แค่ลบออกจากหน้าวอล แต่แผลในใจยังอยู่กับเขา มันไม่ใช่แค่ลบออกไปแล้วจะจบ ใครไม่เคยเจอกับตัวจะไม่มีทางเข้าใจ
นินนิน : อารมณ์เหมือนกำจัดยาเสพติดออกไปเลยนะ ความร้ายแรงของมัน ไม่พอใจใครก็ด่า แอบถ่ายใครมาด่าก็ได้ หลายคนบอกว่าคนนี้เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นเขาเป็นแบบนี้ เชื่อท็อปคอมเมนต์ไปหมด แต่งตัวเปรี้ยวต้องแรด ตัดสินคนจากภายนอก แต่รู้จักเขาสักคนจริง ๆ ไหม เคยไปนั่งกินข้าวคุยกับเขาไหม ก็ไม่ เราไม่สามารถรู้จักคนคนหนึ่งได้ผ่านโซเชียลหรอกค่ะ
แม่มด : มดจะคิดว่าคอมเมนต์บ่งบอกตัวตนของคนคนนั้น คนที่คอยแต่จะคอมเมนต์แย่ ๆ ให้กับคนอื่น ก็เพราะเขามองเห็นแต่อะไรแย่ ๆ ในตัวคนอื่น มันแสดงออกถึงวิธีคิด ทัศนคติของตัวเขาว่าเขาไม่มีความเคารพคนอื่นเลย คนที่น่าสงสารที่สุดอาจจะไม่ใช่คนที่โดนแกล้ง แต่เป็นตัวคนแกล้ง เพราะเขาก็จะใช้ชีวิตที่เหลือไปกับการขังตัวเองในที่มืด ไม่ยอมเปิดหน้าต่างรับแสงสวย ๆ
นินนิน : คอมเมนต์หยาบคายมันก็เหมือนขยะเปียก ถ้าเราเก็บขยะชิ้นนั้นไว้ ยังไงมันก็ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่ว แต่ถ้าเราเลือกทิ้งมัน เราก็จะสะอาด ตัวเราไม่เหม็นเน่า แล้วคนที่สะอาดก็จะไม่ไปทำให้คนอื่นสกปรกเพิ่ม มันอยู่ที่เราเลือก เราจะเลือกทำให้ตัวเองสะอาดหรือทำให้ตัวเองเหม็น
แม่มด : แก้ที่คนทำอาจจะช้า ดีไม่ดีแก้ไม่ได้เลย แต่ถ้าแก้ที่เรามันได้เลยทันที นั่นคือความเข้มแข็งของเรา เพราะในโลกออนไลน์มันไม่จบหรอกค่ะ คนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ ดังนั้นเราแก้ที่เขาไม่ได้ เราก็มาแก้ที่ความคิดตัวเอง ถ้าเราเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไปไม่ว่าเขาจะคอมเมนต์แง่ลบ หรือทำพูดไม่ดีกับเราแค่ไหน เขาก็จะทำอะไรเราไม่ได้
นินนิน : กี่ครั้งที่เขามองแง่ร้ายมา ก็ควรเป็นทุกครั้งที่เรามองแง่ดีไป เราต้องนิ่งให้เก่ง ความนิ่งจะทำให้เขาหยุด ไม่ใช่การตอบโต้ที่แรงกว่า เพราะถ้าเราทำแบบนั้น มันยิ่งจะเป็นการตอกย้ำความรุนแรง ถ้าเราสรรหาคำมาว่ากัน เราก็คงไม่ต่างจากเขา เราก็ไปแกล้งเขาต่ออีกที มันจะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ ไม่จบไม่สิ้นสักที
นินนิน : นินรู้สึกว่าคนที่ยังไม่มั่นใจในตัวเองและติดอยู่กับคำว่าสวยไม่สวย เขายังเห็นโลกไม่กว้างพอ เขายังอยู่ในที่แคบ เขาต้องเอาตัวเองออกไปข้างนอก ไปเห็น ไปเจอคนให้มาก ๆ อย่างนินมีเพื่อนต่างชาติ ไปเที่ยวมาหลายประเทศ นินจะเห็นความสวยที่แตกต่างกันออกไป ความสวยในแบบคนแอฟริกา ความสวยของคนญี่ปุ่น หรือแม้แต่ความสวยของคนไทย
แม่มด : จริง ๆ มันก็ยากนะ เพราะยุคนี้เราจะอยู่กับคำว่า ไม่ใช่เรื่องของเรา ไม่เสือกดิ การที่เราจะยื่นมือเข้าไปช่วยคนคนหนึ่งมันเลยถูกตีกรอบว่าเราต้องรู้จัก แต่ถ้าบนโลกโซเชียลมันจะง่ายกว่า เพราะมันเปิดโอกาสให้คนที่ไม่รู้จักได้รู้จักกันอยู่แล้ว ดังนั้นเราไม่มีอะไรต้องเสีย เช่น คุณเจอคนโดนโจมตี มีคนกล้าเข้ามาแย้งไปอีกทางหนึ่ง พอมันมีความคิดเห็นสองทาง มันก็เป็นการดึงสติของคนที่เหลือได้
นินนิน : สำหรับนินถ้าเห็นการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ นินจะไม่แชร์ต่อให้คนเห็นมากขึ้น จะให้มันหยุดที่เรา ถ้าเห็นคนกำลังโจมตีกันบนโลกออนไลน์คุณก็ควรเข้าไปหยุดเหตุการณ์ แต่ต้องไม่ไปหยุดโดยใช้ความรุนแรงใส่เข้าไปอีก ใส่ความเห็นใจเข้าไป ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
นินนิน : ที่เราลงรูปบิกินี่ เราไม่ได้อยากเซ็กซี่นะคะ เพราะเราไม่ได้เซ็กซี่เลย แต่เราอยากส่งเสริมให้ลูกเพจหรือคนที่เห็นมีความมั่นใจในตัวเอง กล้าใส่ กล้าแต่ง ให้เขารู้ว่าเสื้อสีสดใสไม่ได้มีไว้ให้แค่คนผิวขาวใส่ ผมหยิกก็สวย ผมตรงก็สวย เราอยากให้ทุกคนมั่นใจในตัวเอง เพราะผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองคือผู้หญิงที่สวยที่สุด
แม่มด : หนึ่งเราอยากให้คนที่ตามเรามองเห็นความงามที่แตกต่าง เพราะถ้าเรายอมรับความสวยงามที่แตกต่างได้ เราอาจจะได้มุมมองใหม่ ๆ ในเรื่องความสวย แล้วเราจะไม่ไปคอมเมนต์ว่าคนอื่นหน้าไม่สวย สองพอเขารู้ว่าความสวยมันมีหลายแบบ เขาจะเริ่มกลับมามองตัวเองว่า เขาเองก็สวยในแบบของเขา หน้าไทย หน้าหมวย ตาชั้นเดียว ตาสองชั้น มีโหนกแก้ม มีกราม มันเป็นความสวยที่แตกต่างกัน เมื่อเขาคิดได้ ความมั่นใจมันจะมา แล้วเขาจะไม่มานั่งทุกข์กับคำว่าไม่สวยของคนอื่นอีก
แม่มด : มดว่าคนที่เขากลั่นแกล้งคนอื่นบนโลกออนไลน์เขาอาจจะมีความคิดว่า ตัวเขามีเสรีภาพที่จะทำอะไรก็ได้ เพราะเราอยู่ในยุคที่การแสดงความคิดเห็นมันเป็นอิสระ แต่ถ้ามันไม่สร้างสรรค์หรือทำร้ายคนอื่น มดว่าก็อย่าทำเลย ทำไมเราไม่ลองเอามารยาทในชีวิตจริงมาใช้บนโลกออนไลน์ด้วย ถ้าเราทำได้ เรื่องพวกนี้จะค่อย ๆ ลดลง รุ่นลูก รุ่นหลานเราจะได้ไม่ต้องเจอแบบที่เราเจอ
นินนิน : ตอนนี้มันก็แย่มากเเล้วนะ นินว่าดูตอนนี้ได้เลย มีคนเป็นซึมเศร้าเพราะโดนตัดต่อภาพ หรือเด็ก 13 ขวบ ฆ่าตัวตายเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไร้ค่า นินว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในจุดที่มันแย่มากพอแล้วนะคะ มันเห็นภาพชัดเจนมากแล้วว่าเราต้องช่วยกันหยุดการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ หยุดล้อปมด้อย หยุดคอมเมนต์หยาบคาย และมีมารยาทในการใช้โซเชียล
เรื่อง : วัลญา นิ่มนวลศรี
ภาพ : ประวีร์ จันทร์ส่งเสริม