กรุงเทพฯ 20 มิถุนายน 2559 – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงก่อตั้ง “โครงการผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน” (CONNEXT ED) ของ 12 องค์กรเอกชน ภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐ ด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ พร้อมด้วย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐ และ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีลงนามความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง 12 องค์กรเอกชน เพื่อเป็นอีกพลังในการช่วยขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาโดย สนับสนุนส่งบุคลากรภายในสังกัดที่เป็นผู้นำคนรุ่นใหม่รวม 1,000 คน มาร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาในโรงเรียนโครงการประชารัฐ ตามแนวทางยุทธศาสตร์ 10 ด้าน โดยลงพื้นที่ปฏิบัติจริง ให้การสนับสนุน ร่วมวางแผนบริหารจัดการร่วมกับผู้บริหารโรงเรียน 3,342 แห่งทั่วประเทศในระยะแรก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จในการยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการศึกษาของประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างคุณค่าให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน
นายศุภชัย เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ / กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน โครงการสานพลังประชารัฐกลุ่มการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ เปิดเผยว่า ในนามตัวแทนภาคเอกชน ต้องขอขอบคุณภาครัฐที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้มีโอกาสเข้าร่วมพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้โครงการประชารัฐ โดยที่ผ่านมา คณะทำงานจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ของโครงการสานพลังประชารัฐด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ ได้ร่วมดำเนินการพัฒนายุทธศาสตร์ 10 ด้านในการยกระดับการศึกษาสู่มาตรฐานสากล มาตั้งแต่ต้นปี 2559 และล่าสุด ได้มีการรวมตัวกันของภาคเอกชนชั้นนำของไทย 12 องค์กร ก่อตั้ง “โครงการผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน” (CONNEXT ED) เพื่อเข้าร่วมเป็นอีกหนึ่งพลังในการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาพื้นฐานของประเทศอย่างมีระบบ โดยผู้บริหารระดับสูงของ12 องค์กรจะทำหน้าทีเป็น School Sponsors หรือเป็นผู้สนับสนุนหลัก ให้คำปรึกษาด้านยุทธศาสตร์พร้อมงบประมาณ ให้แก่ School Partners ซึ่งคัดเลือกจากบุคลากรในองค์กรที่เป็นผู้นำรุ่นใหม่ มีอุดมการณ์ มีจิตสาธารณะ และผ่านการอบรมหลักสูตรผู้นำ รวม 1,000 คน เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนและร่วมวางแผนพัฒนาโรงเรียน เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงร่วมกับผู้บริหารสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการประชารัฐ 3,342 โรงเรียนทั่วประเทศ ในระยะแรก (ภายในปี 2559) และจะขยายครบ 7,424 โรงเรียนในทุกตำบล ทั่วประเทศ ภายใน 3 ปี (สิ้นปี 2561) โดยจะยึดหลักการทำงาน 3 ด้านคือ Enable สนับสนุนผู้บริหารสถานศึกษาให้ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ Enhance ร่วมเสนอแนวทางพัฒนาโรงเรียนเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากเอกชน และ Engage สร้างการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน ตามแนวทางยุทธศาสตร์ 10 ด้านของโครงการสานพลังประชารัฐด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการศึกษาของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
12 องค์กรเอกชน ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ CONNEXT ED มีดังต่อไปนี้
1. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
2. บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
3. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
4. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
5. บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด
6. บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
7. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
8. บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด
9. บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)
10. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
11. บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน)
12. บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
นอกจาก 12 เอกชนผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ CONNEXT ED มีความยินดี ที่จะเรียนเชิญองค์กรเอกชนรายอื่นๆ เข้าร่วมเป็น School Sponsors รวมทั้งนิสิตนักศึกษาจากสถาบันต่างๆทั่วประเทศเข้าร่วมเป็นผู้ช่วย School Partners อีกจำนวนมาก เพื่อขยายผลสู่ทุกโรงเรียนทั่วประเทศ ให้ได้รับโอกาสในการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพและมาตรฐาน นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนและเท่าเทียมต่อไป
CONNEXT ED หรือ คอนเน็กซ์-อีดี (CON = CONNECT, NEXT = NEXT GENERATION และ ED = EDUCATION) คือ โครงการคัดเลือกผู้นำรุ่นใหม่ของภาคเอกชน ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถและมีอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นในการเข้าร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาพื้นฐานของประเทศ ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง (Action Learning Program) โดยทำงานร่วมกับผู้บริหารสถานศึกษา ในการวางแผนพัฒนาโรงเรียน และนำเสนอต่อผู้บริหาร หรือ School Sponsors เพื่อขออนุมัติงบประมาณดำเนินการพัฒนาโรงเรียนตามแนวทางของโครงการสานพลังประชารัฐ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพการศึกษาพื้นฐานของประเทศสู่มาตรฐานสากล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำประเทศไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป