คำว่าการแร็ปได้กับแร็ปดี เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนให้เขาหันมาทบทวนตัวเองว่าอยากเป็นแร็ปเปอร์แบบไหน ซึ่งก่อนที่เขาจะรู้ว่าแร็ปดีเป็นอย่างไร ก็ลองผิดลองถูกมาเยอะ
“คนอาจจะไม่ชอบผมนะ ตอนที่ผมแร็ปด่าคนอื่น ปั่นประสาท ไม่เคารพรุ่นพี่บ้างล่ะ แต่ผมก็ไม่เสียใจในสิ่งที่ผมทำมาหรอก คนจะชอบหรือไม่ชอบมันเป็นเรื่องของรสนิยม”
จากแร็ปเปอร์ที่ถูกแปะป้ายว่าเป็นแร็ปเปอร์สายปั่นและปากร้าย ตอนนี้นิลโลหิตกำลังตั้งคำถามกับการเขียนแร็ปของเขามากขึ้น เพราะการแร็ปไม่ใช่แค่งานอดิเรก แต่กลายมาเป็นอาชีพที่ส่งให้เขาเรียนจบด้วยเงินตัวเอง
“เมื่อก่อนผมทำเพลงตามอารมณ์ คิดอะไรได้ก็ทำเลยวันต่อวัน แต่ช่วงหลัง ๆ มา ความคิดในการทำเพลงมันเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้เวลาผมทำเพลงผมจะไม่สักแต่ทำ แต่จะคิดไปถึงตอนที่ทำเสร็จว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง จะมีผลต่อคนฟังยังไง เราต้องรับผิดชอบคนฟังด้วย ไม่ใช่ทำเพลงไป เผลอสร้างทัศนคติแย่ ๆ ให้คนฟังไป”
ถึงแม้เราจะทำดีแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องมีคนมองว่าผิด นิลโลหิตบอกกับเราว่า ถ้าจะมาเป็นแร็ปเปอร์ต้องเข้มแข็งให้มาก เพราะวงการนี้เหมือนผ้าขาวในที่มืด
“วงการฮิปฮอปสำหรับผมมันคือ ผ้าขาวในที่มืดครับ คนจะมองว่ามันขาวก็ได้ ดำก็ได้ขึ้นอยู่กับคนมอง แต่เราอย่าเพิ่งไปมองในส่วนที่สอง มองในส่วนที่หนึ่งคือ ลงมือทำก่อน”
ทัศนคติในการทำเพลงของเขาไม่ได้ได้มาในวันสองวันแน่นอน แต่เขาเรียนรู้มาตั้งแต่ ม. 5 จนตอนนี้โตเป็นคนวัยทำงานเต็มตัว ทั้งขาวและดำเขาเคยถูกคนภายนอกตัดสินมาแล้วทั้งนั้น แต่เขาก็ใช้ท่อนแร็ปอันเฉียบคม พิสูจน์ตัวเอง ปิดปากทุกเสียงวิจารณ์ให้สนิทจนเป็นที่ยอมรับ
“แร็ปเปอร์เป็นอาชีพที่ต้องใช้ใจรักมากนะครับ คุณต้องรักในอาชีพนี้ให้ได้ก่อน ต่อไปก็มุ่งมั่น ทำด้วยความรับผิดชอบและวางตัวให้เหมาะสมด้วย”
เกี่ยวกับนิลโลหิตที่น่ารู้ ♦ แม้เขาจะทำเพลงเป็นอาชีพ แต่เรียนจบคณะอุตสาหกรรมเกษตร ♦ เขาเป็นหนึ่งในแร็ปเปอร์ ที่แทบจะไม่ใช้คำหยาบในการแร็ปเลย ♦ “ไม่ได้คิดว่าจะนับกี่ครั้งที่พับ กี่ครั้งที่ยับ หรือนับกี่ครั้งที่ทรุด ไม่ได้คิดว่านี่ชีวิตจะพัก แต่เลือกจะนับเฉพาะแต่ครั้งที่ลุก” ♦ เวลาที่เครียดเขาจะเลือกอยู่คนเดียวมากกว่าหาคนคุยด้วยเพราะเชื่อว่าต้องลุกด้วยตัวเองให้ได้ก่อน ♦ เขาเริ่มต้นทำเพลงด้วย เพลงรัก แต่ทุกวันนี้การทำเพลงเกี่ยวกับสังคมเป็นสิ่งที่เขาอยากพูดถึงมากกว่า ♦ สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือ กลัวว่าวันหนึ่งเขาจะเบื่อการแร็ป |
เรื่อง: วัลญา นิ่มนวลศรี
ภาพ: นิลโลหิต