วลีนี้หมายถึง การออกเดินทางเพื่อไปเที่ยวในวันหยุด
Ex. I want to get away to Pattaya for 2 days.
(ฉันอยากจะออกเดินทางไปพัทยาสักสองวัน)
มีความหมายว่า การเริ่มออกเดินทางไปท่องเที่ยวนั่นเอง
Ex. A : When do you set off to New York?
(คุณจะออกเดินทางไปนิวยอร์กเมื่อไหร่)
B : I’m setting off for New York tomorrow.
(ฉันเดินทางไปนิวยอร์กในวันพรุ่งนี้)
วลีนี้เรามักได้ยินกัปตันพูดเมื่ออยู่บนเครื่องบิน กัปตันจะพูดว่า “Ready to take off” ตอนที่เครื่องบินนี้พร้อมที่จะออกแล้ว มักใช้คำนี้ตอนกำลังจะออกเดินทางเมื่อโดยสารโดยเครื่องบินค่ะ
Ex. Flight to Chiang Rai will take off at 9.00 p.m in Suvarnabhumi Airport.
(เที่ยวบินที่จะไปเชียงรายจะออกเดินทางตอนสามทุ่มที่สนามบินสุวรรณภูมิ)
เชื่อว่าคำนี้ทุกคนเคยใช้กัน ส่วนใหญ่เราจะใช้กันบ่อยมากที่สนามบินหรือโรงแรม หรือที่เราพูดว่าเช็คอิน เช็คอินคือการลงทะเบียนก่อนที่จะเดินทางหรือก่อนที่จะเข้ารับบริการในโรงแรมนั่นเองค่ะ
Ex. Please check in 2 hours before the flight.
(กรุณาเช็คอินก่อนขึ้นเครื่อง 2 ชั่วโมง)
Ex. I will check in to Mandarin hotel in 9 a.m.
(ฉันจะไปเช็คอินเข้าโรงแรมแมนดารินตอน 9 โมงเช้า)
คำนี้ตรงข้ามกับคำว่า Check in เรามักจะได้ยินคำนี้เมื่อเราออกจากโรงแรม การเช็คเอ้าท์คือ การคืนกุญแจห้องและให้พนักงานตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนออกจากโรงแรมค่ะ
Ex. Please check out from hotel before 10 a.m.
(กรุณาเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมก่อนเวลา 10 โมงเช้า)
คำว่า Drop มีความหมายว่า การทำให้หล่น การวางลง ดังนั้น Drop off จึงมีความหมายว่า การไปส่งใครบางคนโดยรถยนต์ นั่นเอง
Ex. Can you drop me off at Sukumvit 39?
(ช่วยไปส่งฉันที่ซอยสุขุมวิท 39 ได้ไหมคะ)
คำนี้แปลว่า การลงรถ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถเมล์หรือเครื่องบิน สามารถใช้ได้คำนี้ได้ค่ะ
Ex. I get off at the next station.
(ฉันลงรถที่สถานีต่อไป)
คำนี้มีความหมายว่าไปส่ง อารมณ์ประมาณว่าเราไปส่งใครบางคนที่สนามบินหรือสถานีรถไฟเพื่อไปส่งเขาไปยังที่ ๆ หนึ่งนั่นเอง
Ex. My parents saw my sister off at Hua Lumpong train station.
(ครอบครัวฉันไปส่งน้องสาวของฉันที่สถานีรถไฟหัวลำโพง)
คำนี้หมายความว่า การมาสายหรือการล่าช้าของคมนาคมหรืออะไรบางอย่าง
Ex. I go to work late because BTS skytrain was held up.
(ฉันไปทำงานสายเพราะว่ารถไฟฟ้าเกิดความล่าช้า)
**ช่วงนี้ช้าทุกวันเลยนะคะ 5555