่
แอลกอฮอล์ เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชันไฮดรอกซิล Hydroxyl (-OH) ทำพันธะกับอะตอมคาร์บอนของหมู่แอลคิล (R-) โดยโครงสร้างของแอลกอฮอล์ทั่วไปนั้น มีสูตรทั่วไปอย่างง่ายคือ CnH2n+1OH เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เป็นสายตรง เมื่อทำปฏิกิริยากับโลหะ เช่น โซเดียม (Na) จะเกิดปฏิกิริยาแทนที่และให้ก๊าซไฮโดรเจน (H2) ออกมา ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติทางเคมีที่ใช้บ่งบอกความเป็นแอลกอฮอล์ได้
ตัวอย่างสมการเคมีเมื่อทำปฏิกิริยากับโลหะ
ลักษณะทั่วไปที่สำคัญของแอลกอฮอล์ คือ เป็นสารที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ติดไฟได้ และสามารถละลายน้ำได้ดีเพราะแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลแบบมีขั้ว (Dipole Interactions) ซึ่งทำให้แอลกอฮอล์สามารถละลายน้ำได้ดีเนื่องจากเป็นสารละลายมีขั้วเหมือนกันกับน้ำ
เรารู้กันอยู่แล้วว่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่าง ๆ นั้นสามารถกินได้ ถึงแม้ว่าจะกินแล้วเมา ๆ หน่อยก็เถอะ แต่แอลกอฮอล์แบบไหนกันล่ะที่สามารถกินได้ คำตอบก็คือ เอทานอล (Ethanol) หรือเอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol) มีสูตรเคมีคือ C2H5OH หรือ CH3-CH2-OH
เอทานอลเป็นแอลกอฮอล์ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการหมักน้ำตาล หรือใช้ในการหมักเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยกตัวอย่างเช่น เบียร์ บรั่นดี สุรา ที่ใช้พืชตระกูลข้าวโพด มอลต์ ข้าวบาร์เลย์ในการหมักควบคู่กับยีสต์ เอนไซม์จากยีสต์ที่ผสมลงไปจะคอยทำหน้าที่เปลี่ยนให้คาร์โบไฮเดรตในพืชชนิดดังกล่าวเป็นน้ำตาลกลูโคส และเปลี่ยนจากน้ำตาลกลูโคสเป็นเอทานอลในที่สุด
ในส่วนของแอลกอฮอล์สำหรับการบริโภค สามารถบริโภคได้แน่นอนในปริมาณที่เหมาะสม ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มต้องเป็นไปตามปริมาณการดื่ม 1 ดื่มมาตรฐาน เช่น เบียร์มีปริมาณแอลกอฮอล์ผสมอยู่ 3.5% ต่อกระป๋องหรือขวดเล็ก วิสกี้หรือเหล้าแดงทั่วไปมีปริมาณแอลกอฮอล์ 35% ต่อ 2 ฝาใหญ่ เป็นต้น การบริโภคตามนี้จะช่วยให้ไม่เกิดผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพได้
นอกจากการดื่มแล้ว แอลกอฮอล์อย่างเอทานอลยังใช้ผสมในเครื่องสำอางหรือล้างแผลได้ เพราะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ต้องใช้ในปริมาณและความเข้มข้นที่เหมาะสม แต่สำหรับส่วนของแอลกอฮอล์สำหรับใช้ภายนอกหรือเรียกว่า เมทานอลหรือเมทิลแอลกอฮอล์นั้น ไม่สามารถกินได้ เพราะเกินปริมาณที่ร่างกายจะรับได้ อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น แอลกอฮล์สำหรับล้างแผลที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ผสมอยู่สูงถึง 70% ลองนึกดูสิว่าขนาดทาลงบนแผลยังแสบ หรือบางครั้งก็เกิดการระคายเคือง ถ้าเผลอกลืนเข้าไปจะรู้สึกทรมานขนาดไหน
อีกหนึ่งข้อที่บางคนอาจจะยังสับสนก็คือ เมทานอล กับ เอทานอล เพราะชื่อเรียกใกล้เคียงกันมาก เมทานอล หรือ เมทิลแอลกอฮอล์ กินไม่ได้แน่นอนถึงแม้ว่าคุณสมบัติทางเคมีจะเหมือนเอทานอลในเรื่องของลักษณะที่ใส ไม่มีสี แต่ความจริงเมทานอลมีสูตรทางเคมีคือ CH3OH หรือ CH3-OH ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมล้วน ๆ มีพิษมาก หากได้รับเมทานอลมาก ๆ ผ่านทางผิวหนัง ลมหายใจ จะทำให้เกิดระคายเคืองต่อระบบการมองเห็นและระบบการหายใจ จนเป็นอันตรายต่อร่างกายในที่สุด