เย็นวันศุกร์ ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชา ณ พระลานพระราชวังดุสิต การนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปทรงเป็นประธานสงฆ์ โดยมีพระสงฆ์มาร่วมสวดและเจริญพระพุทธมนต์รวม ๑๙๙ รูป ในพิธีมหามงคล
โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า
“เราทั้งหลายได้รับพระราชทานโอกาส จากสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้มาประชุมพร้อมเพรียงกัน เพื่อกระทำกิจมหามงคลอีกวาระหนึ่ง
ขอให้ทุกท่านจงตั้งจิต ประมวลพลังความดีงามนี้ น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เพิ่มพูนพระบารมีธรรม ถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อมทั้งถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
เราต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติเพียงไร พระองค์ทรงดำเนินพระบรมราโชบายในรัชสมัยของพระองค์ด้วย ‘สันติวิธี’ การอันใดที่อาจเป็นเหตุแห่งความเดือดร้อนวุ่นวายถึงขั้นเป็นจลาจลในบ้านเมือง การนั้นจะทรงพยายามหลีกเลี่ยง ทรงพร้อมยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างไม่ทรงยึดมั่นถือมั่นในทิฐิมานะ เพราะพระองค์ทรงมุ่งหวังเป้าหมายเพียงอย่างเดียว กล่าวคือ ‘สันติสุข’ ของประชาราษฎร
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนพุทธบริษัทไว้ว่า
แต่การจะพบกับความสงบจนมีใจเป็นสุขได้ ก็จะไม่มีเช่นกัน หากเราทั้งหลายไม่รู้จักการเอื้อเฟื้อให้ปันแก่กันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ ‘อภัย’ อันเป็นการให้ที่ประเสริฐยิ่ง
บ้านใดเมืองใด พลเมืองมุ่งแต่ความบาดหมาง ร้าวฉาน ก่อเวรก่อภัยกัน บ้านนั้นเมืองนั้นก็อยู่ร้อนนอนทุกข์ มีแต่ความเสื่อมทรามลง
ในขณะที่บ้านใดเมืองใด พลเมืองมุ่งแต่ความสามัคคีปรองดอง หวังดีหวังเจริญต่อกัน ถึงจะมีการทะเลาะเบาแว้งกันบ้างตามประสาคนอยู่ร่วมเหย้าเรือนเดียวกัน ก็รีบกลับใจมาแผ่เมตตา ให้อภัยทานแก่กัน ไม่ปล่อยให้รุนแรงถึงขั้นประหัตประหาร หรือแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมาปะทะกัน บ้านนั้นเมืองนั้นก็จะอยู่เย็นเป็นสุข มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง