สำนวนแรกคือ Beg for the moon คำว่า Beg แปลว่า ร้องขอ ดังนั้นสำนวนนี้แปลตรงตัวว่า ร้องขอดวงจันทร์ แต่การร้องขอสิ่งต่าง ๆ จากดวงจันทร์เป็นเรื่องยากมากที่จะได้ตามคำขอ ดังนั้นจึงหมายถึง ร้องขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ นั่นเองค่ะ
Ex. I don’t feel the same about you anymore. Don’t beg for the moon! I will not go back.
(ฉันรู้สึกไม่เหมือนเดิมกับคุณอีกต่อไปแล้ว อย่าร้องขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เถอะ ฉันจะไม่กลับไปอีกแล้ว) โห!! เป็นคำบอกเลิกที่เจ็บมาก T_T
สำนวนที่สอง Once in the blue moon สำนวนนี้ถ้าแปลตรงตัวจะแปลว่า ครั้งหนึ่งที่พระจันทร์เป็นสีน้ำเงิน แต่จริง ๆ แล้ว ดวงจันทร์สีน้ำเงินไม่มีหรอกจ้า สำนวนนี้มีที่มาจากการที่ดวงจันทร์เต็มดวง 2 ครั้งใน 1 เดือนนั่นเองค่ะ จึงมีการเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Blue moon เป็นปรากฏการณ์ที่เห็นได้ยากมาก เพราะปกติแล้วดวงจันทร์จะเต็มดวงเพียงเดือนละครั้งเท่านั่น ดังนั้น Once in the blue moon จึงแปลว่า นาน ๆ ครั้ง หรือ Rarely
Ex.1. A : Does your boyfriend ever give you flowers?
(แฟนคุณเคยให้ดอกไม้คุณไหม)
B : Once in the blue moon.
(นาน ๆ ครั้งอ่ะ)
Ex.2. I go to library once in the blue moon.
(นาน ๆ ที ฉันจะเข้าห้องสมุดสักครั้งหนึ่ง)
** มีความหมายเหมือนประโยค I rarely/hardly go to library. ก็ได้เหมือนกันค่ะ
สำนวนที่สาม Over the moon ถ้าแปลตรง ๆ คือ อยู่เหนือดวงจันทร์ หรือความหมายโดยนัยว่า Very happy หรือ มีความสุขมาก ๆ ฟินสุด ๆ ขนาดอยู่เหนือดวงจันทร์เลยทีเดียว หรือ โคตรจะมีความสุขนั้นเองค่ะ
Ex. My son got a new job. I’m over the moon about him!
(ลูกชายของฉันได้งานใหม่แล้ว ฉันมีความสุขมาก ๆ เลยเกี่ยวกับเรื่องของเขา)
สำนวนที่สี่ Reach for the moon การไขว่คว้าดวงจันทร์ หรือแปลโดยนัยว่า การทุ่มเทหรือพยายามกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมาก นั่นเองค่ะ
Ex. My father always wanted me to reach for the moon, but I just wanted to sleep.
(พ่อมักต้องการให้ฉันพยายามและทุ่มเท แต่ฉันต้องการเพียงแค่การนอนเท่านั่น) แหม! ดูเป็นลูกที่ขี้เกียจมาก ๆ เลยนะเนี้ย ^0^
และสำนวนสุดท้ายที่จะมานำเสนอในวันนี้ก็คือ Many moons ago ค่ะ หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับสำนวนนี้ แปลว่า a long time ago นานมาแล้วนั่นเองค่ะ
Ex. It’s many moons ago that I didn’t go back to my hometown.
(เป็นเวลานานมาแล้วที่ฉันไม่ได้กลับไปบ้านเลย)