เป็นปริมาณกว่า 30% ที่เราสูญเสียผักผลไม้ไปในแต่ละปีเนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกของมันไม่ต้องตาผู้ซื้อและผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 30 หมื่นล้านดอลลาร์ และตัวเลขนี้เป็นตัวเลขผลผลิตในสหรัฐอเมริกาในปี 2010 เพียงอย่างเดียว ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อย่างค่าขนส่ง บรรจุหีบห่อ การตลาดต่าง ๆ ไปจนถึงการกำจัดของที่ขายไม่ออกเหล่านี้ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้องค์กรต่าง ๆ รวมถึงผู้บริโภคเองต้องปรับเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับหน้าตาของผลผลิต ไปสู่การใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลงต่าง ๆ รวมถึงกรรมวิธีอื่น ๆ ที่ทำให้ผักและผลไม้มีหน้าตาสวยงามไร้ตำหนิอีกครั้ง
แท้จริงแล้วผักที่มีรูหนอนเจาะ รอยช้ำบนผิวผลไม้ อาจแค่ไม่สวยไม่ต้องตาของเราเท่านั้น และก่อนยุคที่เราจะมีการใช้สารเคมี เราก็กินผักผลไม้ที่ไม่ได้สวยงามอย่างในปัจจุบัน ผิวส้มหรือมะเขือเทศไม่ได้มันวาวแบบในตอนนี้ แต่เราก็บริโภคมันได้ ผักที่ไม่ได้มีสีสดกรอบใบเต่งตึง เราก็สามารถนำมาทำอาหารได้อร่อยและมีสารอาหารครบครันเช่นกัน
กระทั่งภายหลังผู้บริโภคเริ่มกลัวกับผลผลิตที่ดูสวยเกินไป จนกลายเป็นแนวคิดว่า หากมันมีตำหนิบ้าง มีรูหนอนเจาะบ้าง หรือมีรอยด่างบ้าง น่าจะแปลว่าผักผลไม้เหล่านั้นไม่ได้ใช้สารเคมี ระหว่างการเพาะปลูกและขนส่งมาถึงมือเรา การกินอาหารที่มีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงตกค้างไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับร่างกายของเรา โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ ที่มีความต้านทานต่อสารเคมีหรือความสามารถในการขับสารพิษออกจากร่างกายได้ต่ำกว่าเรา แม้ว่าสารตกค้างเพียงเล็กน้อยจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่มันก็ดีกว่าหากจะไม่ใช้มันเลยใช่หรือไม่
มีการศึกษาและหลักฐานแน่ชัดว่า เด็กซึ่งอยู่ในวัยกำลังโตหากได้รับยาฆ่าแมลงอาจจะทำให้เกิดการผิดปกติทางระบบประสาท ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ ความจำ ขัดขวางการทำงานของฮอร์โมนบางชนิด และอาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้ นั่นทำให้เราต้องใส่ใจมากขึ้นในการทำความสะอาดผักผลไม้อย่างถูกวิธีเพื่อให้มีสารเคมีตกค้างน้อยที่สุดก่อนที่จะบริโภคเข้าไป ดังนั้น การเลือกผักผลไม้ออร์แกนิก (Organic) หรือปลอดสารพิษย่อมดีกว่า
ผักผลไม้ที่มีร่องรอยการโดนทำร้ายจากจุลชีพต่าง ๆ ไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายของคนเราอย่างที่คิด จุลชีพเหล่านี้ก่อให้เกิดโรคในผักหรือผลไม้ เพราะมันวิวัฒนาการหลายล้านปีมาเพื่ออาศัยและตักตวงเอาสารอาหารหรือประโยชน์จากผักผลไม้ มันรู้จังหวะและวิธีที่จะโจมตีพืช ในสภาวะที่เหมาะสม มันโจมตีผิวด้านนอกของพืชผล ทำลายเซลล์ที่ปกป้องกักเก็บความชื้นและสารอาหารเอาไว้ ความชื้นและน้ำตาลถูกมันดูดใช้เป็นอาหาร เซลล์บางส่วนตายลงจากการทำร้ายนี้ ทำให้ผลผลิตของเราเกิดรอยช้ำ ดวงด่าง จุดดำต่าง ๆ บริเวณผิว ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ดูไม่น่ารับประทาน แต่สำหรับคนเราที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายปกติ มันเป็นคนละเรื่องและมันไม่สามารถทำร้ายเราได้
อย่างไรก็ดีเซลล์ของพืชที่โดนโจมตีจนตายและกำลังเน่าสลายนั้นมีรสชาติไม่ดี นั่นเป็นเพราะว่าเซลล์มันกำลังจะตาย สิ่งที่เราทำได้ก็แค่ตัดหรือเฉือนส่วนนั้นออกไป สมมติคุณมีมะเขือเทศหนึ่งลูก ซึ่งด้านหนึ่งเละเนื่องจากการขนส่งเกิดการกระแทก ผิวแตกและเชื้อโรคเข้าไปกัดกินเนื้อและเซลล์ภายใน เราก็แค่เฉือนด้านนั้นทิ้งไป โดยเรายังสามารถกินส่วนที่เหลือได้อยู่
อย่างไรก็ตามจุลชีพบางชนิดที่ไม่ได้ก่อให้เกิดโรคหรือทำให้ผลิตผลเป็นริ้วรอย แต่มันอาจจะเกาะอยู่บริเวณด้านนอกของผลผลิตและอาจจะส่งผลต่อสุขภาพเราได้เช่น อีโคไล (E. Coli) หรือซาลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งสามารถกำจัดออกไปได้ด้วยการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี ดังนั้น หากเราบอกว่าเราเลือกผลไม้ที่มีรูปลักษณ์ดีเพราะมันสะอาดและปลอดภัยกว่า จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด
วิธีการทำความสะอาดพืชผักผลไม้มีหลากหลาย เริ่มจากง่ายที่สุดคือ ล้างน้ำสะอาดแบบไหลผ่าน ล้างน้ำเกลือ น้ำซาวข้าว น้ำปูนใส น้ำด่างทับทิม น้ำส้มสายชู น้ำผสมผงฟู น้ำผสมเบกกิ้งโซดา ผงถ่าน น้ำยาล้างผักผลไม้โดยเฉพาะ หรือแม้แต่การปอกเปลือก และทำให้สุก ล้วนแต่เป็นวิธีการที่เหมาะสมกว่าการเลือกที่หน้าตาของสินค้าทั้งสิ้น เพราะผลิตผลที่สะอาดปลอดภัยต่อสุขภาพคือผลิตผลที่ผ่านการล้างทำความสะอาดอย่างถูกวิธี ไม่ใช่หน้าตาสวยงาม