ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษที่เราคุ้นเคยกันส่วนใหญ่มีรูปประโยคแบบบอกเล่า (Positive Question) เช่น Do you like sushi? (คุณชอบซูชิไหม?) แต่ยังมีโครงสร้างประโยคคำถามอีกแบบหนึ่งนั่นก็คือ ประโยคคำถามเชิงปฏิเสธ (Negative Question) ซึ่งโครงสร้างไม่ต่างจากรูปคำถามปกติมากนัก เพียงแค่เติม not เข้าไปหลังคำกริยาช่วยเท่านั้น เช่น
ประโยคคำถามแบบบอกเล่า : Does he play football? (เขาชอบเล่นฟุตบอลเหรอ)
ประโยคคำถามเชิงปฏิเสธ : Doesn’t he play football? (เขาไม่ชอบเล่นฟุตบอลเหรอ)
ประโยคคำถามแบบบอกเล่า : Do you like sushi? (คุณชอบซูชิไหม)
ประโยคคำถามเชิงปฏิเสธ : Don’t you like sushi? (คุณไม่ชอบซูชิเหรอ)
คำถามแบบ Yes/No Question จะขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย เช่น Do, Does, Is, Are, Can, Will, Should ดังนั้นเพียงแค่ใส่ not ไปหลังกริยาช่วยได้เลย และมักเขียนด้วยรูปย่อ เช่น
Isn’t she busy?
(เธอไม่ยุ่งเหรอ)
Aren’t you a doctor?
(คุณไม่ใช่หมอเหรอ)
Don’t you know him?
(คุณไม่รู้จักเขาเหรอ)
Doesn’t he play soccer?
(เขาไม่เล่นฟุตบอลเหรอ)
Can’t you swim?
(คุณว่ายน้ำไม่เป็นเหรอ)
Wasn’t she sick last week?
(สัปดาห์ที่แล้วเธอไม่ได้ป่วยเหรอ)
การตอบจะแตกต่างจากการตอบคำถามประโยคคำถามแบบบอกเล่า (Positive Question) โดยการตอบคำถามประโยคคำถามแบบบอกเล่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น
Do you have dinner? (คุณทานข้าวเย็นไหม)
ถ้าทานตอบว่า Yes, I have. ถ้าไม่ทานตอบว่า No, I haven’t
ในขณะที่ประโยคคำถามเชิงปฏิเสธ (Negative Question) มักต้องการคำตอบที่เป็นปฏิเสธมากกว่า แต่ในความเป็นจริงสามารถเป็นได้ทั้งตอบรับและปฏิเสธ ซึ่งต้องระวังเพราะค่อนข้างสับสนในความหมายภาษาไทย โดยการตอบรับในภาษาอังกฤษจะให้ความหมายปฏิเสธในภาษาไทย และการตอบปฏิเสธในภาษาอังกฤษจะให้ความหมายตอบรับในภาษาไทย ยิ่งพูดยิ่งงงไปกันใหญ่ มาดูตัวอย่างกันดีกว่า
Q: Don’t you like milk? (คุณไม่ชอบนมเหรอ)
A1: Yes, I do.
**ในภาษาอังกฤษเป็นรูปการตอบรับ หมายถึง ใช่ ฉันชอบ ซึ่งให้ความหมายปฏิเสธในภาษาไทยว่า เปล่า ฉันชอบนม
A2 : No, I don’t.
**ในภาษาอังกฤษเป็นรูปการตอบปฏิเสธ เป็นการเน้นย้ำว่า ไม่ ไม่ชอบ แต่ให้ความหมายตอบรับในภาษาไทยว่า ใช่ ฉันไม่ชอบ
Q: Shouldn’t we help him? (พวกเราไม่ควรช่วยเขาเหรอ)
A1 : Yes, we should. (เปล่า พวกเราควรช่วยเขาสิ / ใช่ พวกเราควรช่วย)
A2 : No, we shouldn’t. (ใช่ พวกเราไม่ควรช่วยเขา เป็นการเน้นย้ำว่า ไม่ ไม่ควรช่วย)
1. ตอบ Yes = ไม่ / ตอบ No = ใช่
2. เมื่อถูกถามด้วยคำถามเชิงปฏิเสธ เช่น Don’t you like wasabi? ให้ตัด not ออกไปเหลือเป็น Do you like wasabi? แล้วตอบไป ถ้าชอบก็ตอบ Yes ถ้าไม่ชอบก็ตอบ No เท่านั้นเอง
3. การตอบคำถามของคำถามเชิงปฏิเสธค่อนข้างสร้างความสับสน ดังนั้นเราอาจตอบโดยไม่ต้องบอก Yes หรือ No ก็ได้ แค่บอกออกไปเลยว่า I like wasabi. หรือ I don’t like wasabi. ก็สามารถสร้างการสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นกัน
คำถามแบบ Wh-Question มีโครงสร้างคล้าย Yes/No Question โดยเติม Wh-Question word (Who, What, Where, When, How) ขึ้นต้นประโยค และใส่ not ที่กริยาช่วย เช่น
Why don’t you come and spend the evening with us?
(ทำไมคุณไม่มาและใช้เวลาในยามเย็นกับพวกเราล่ะ)
Why doesn’t he do the work?
(ทำไมเขาไม่ทำงานล่ะ)