เปิดเรียนปี 1 เป็นเฟรชชี่ได้ไม่กี่เดือนน้อง ๆ ส่วนหนึ่งคงมีอาการเซ็งตาม ๆ กัน เพราะรู้ตัวว่าคณะที่เรียนอยู่ไม่ใช่สำหรับตัวเองเลยหรือยังไม่ใช่ที่สุด ต้องทนนั่งเรียนแบบไม่มีความสุข ไม่มีกำลังใจอ่านหนังสือ คิดอยากจะซิ่วไปสอบใหม่เพื่อเข้าคณะที่อยากเรียนจริง ๆ เพราะยังอยากทำตามความฝันแรกอยู่ อยากซิ่วอย่างนี้ทำไงดีล่ะ ? ดรอปเรียนหรือกัดฟันเรียนไปก่อน วันนี้พี่เก็บสาระดี ๆ ประกอบการตัดสินใจมาฝากกันแล้ว
ทำงานพิเศษหาเงิน อ่านหนังสือเตรียมสอบใหม่
น้อง ๆ ที่ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่ายังไงก็จะดรอปเรียนไว้ก่อน เพราะรู้ตัวเองว่าฝืนเรียนต่อไปคงไม่ไหว ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่ายอีก มั่นใจอย่างนี้แล้วระหว่างที่รอสอบใหม่น้อง ๆ ก็ควรวางแผนเวลาหลังจากนี้ให้ดีไว้เลยนะครับ ซึ่งพี่ก็เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่น้อง ๆ จะได้ทำงานพิเศษหาเงินเพื่อเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา และที่สำคัญหากตัดสินใจดรอปเรียนไว้ก่อนยังช่วยให้น้อง ๆ มีเวลาฟิตอ่านหนังสือให้เต็มสตรีมเพื่อเตรียมตัวสอบใหม่ในคณะที่ตั้งเป้าหมายไว้ ฉะนั้นมีโอกาสและเวลาเตรียมตัวขนาดนี้ก็อย่าชะล่าใจแอบขี้เกียจนะครับ ขืนไปเร่งอ่านหนังสือเตรียมสอบช่วงท้าย ๆ ไม่กี่วัน เวลาที่เสียไปได้ไม่คุ้มเสียแน่ ๆ
อ่านหนังสืออยู่บ้านอย่างเต็มที่ ปีหน้าค่อยสอบใหม่
ถ้าวางแผนไว้ว่าจะดรอปเรียนอ่านหนังสืออยู่บ้านให้เต็มที่เพื่อเตรียมตัวสอบใหม่ปีหน้า พี่คิดว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีนะครับ ซึ่งน้อง ๆ จะได้วางแผนอ่านหนังสือและเก็งข้อสอบได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ต้องบอกไว้ก่อนเลยก็คือต้องบังคับตัวเองให้อ่านหนังสือและต้องสอบให้ติดให้ได้ถ้าตัดสินใจทุ่มเวลาขนาดนี้ไปแล้ว ไหนจะต้องอดทนกับความกดดันต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าสายตาหรือคำพูดของคนอื่น ฉะนั้นเพื่อเป็นการลบคำสบประมาทน้อง ๆ ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นกันไปเลยว่าเรามีความตั้งใจและแน่วแน่ในเส้นทางที่เลือกมากแค่ไหน
หลายคนเลือกที่จะเรียนไปก่อนเพราะคิดว่าเผลอ ๆ อาจจะชอบที่เรียนอยู่ขึ้นมา ขณะเดียวกันก็จะได้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติมในสิ่งที่ไม่เคยรู้หรือสนใจมาก่อน แต่สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้ก็คือระหว่างนั้นต้องเตรียมตัวเพื่อสอบใหม่ไปด้วย ซึ่งดู ๆ แล้วก็หนักตรงนี้พอสมควรเลยล่ะครับ คิดดูง่าย ๆ ก็คือ น้อง ๆ ต้องเรียน ทำการบ้าน อ่านหนังสือในสิ่งที่เรียนอยู่ทุกวันแต่ยังต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบใหม่บวกเข้าไปอีก ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องเวลา การจัดการเนื้อหาที่เรียนและสอบซึ่งต้องแยกแยะให้ได้ ไม่นั้นคงตีกันให้ปวดหัวเล่นแน่ ๆ เชียวล่ะ ฉะนั้นน้อง ๆ ที่เลือกเรียนไปก่อนก็ต้องรู้ข้อดีข้อเสียเหล่านี้ไว้นะครับ เพื่อจะได้วางแผนและจัดการกับชีวิตและการเรียนในช่วงตัดสินใจที่จะซิ่วให้ดีที่สุดจะได้ไม่พลาดอีกยังไงล่ะ
1. เรียนไปวัน ๆ ขาดแรงบันดาลใจและความสุขในการเรียน
2. มีคณะที่ใช่กว่าอยู่ในใจ
3. ปรับตัวเข้ากับเพื่อนในคณะไม่ได้ ทั้งเรียนและทำกิจกรรม
4. เกรดย่ำแย่ติดต่อกันหลายเทอม
5 ไม่สนใจ ไม่สนุกหรือตื่นเต้นในสิ่งที่เรียน
6. ไม่เห็นว่าสิ่งที่เรียนอยู่สำคัญอย่างไรกับตัวเองในอนาคต
เชื่อว่าน้อง ๆ ที่คิดอยากจะซิ่วคงมีความรู้สึกในช่วงเวลานั้นไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ซึ่งพี่มีโอกาสได้สัมภาษณ์น้อง ๆ ในกลุ่มนี้หลาย ๆ คน ความรู้สึกเหล่านั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ รู้สึกไม่มีความสุขในสิ่งที่ตัวเองเรียนอยู่เลยสักนิด คิดอยากจะซิ่วไปสอบใหม่เร็ว ๆ ต้องทนนั่งเรียนไปแบบไร้เป้าหมายไร้วิญญาณ ไม่มีกำลังใจในการเรียน ไม่ได้ดึงศักยภาพของตัวเองมาใช้อย่างเต็มที่ เหนื่อย ท้อถอย เครียด นอนไม่หลับ เหมือนเป็นแกะดำในกลุ่มเพื่อนที่เรียนด้วยกัน หลาย ๆ ครั้งก็แอบร้องไห้คนเดียว อยากกลับบ้าน อยากเปลี่ยนคณะ/มหาวิทยาลัยไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสิ่งที่ต้องการจริง ๆ แต่ก็มีหลายคนโชคดีได้กำลังใจจากคนรอบข้าง ไม่ว่าครอบครัว อาจารย์ เพื่อน ทำให้มีแรงฮึดสู้และสามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินต่อไปของตัวเองได้ว่าจะไปทางไหนต่อ
ไม่ว่าจะเลือกดรอปเรียนหรือเรียนไปก่อน ล้วนมีข้อดีและข้อเสียสลับกันไป ถ้าน้อง ๆ อยากซิ่วต้องถามตัวเองว่าจะเลือกแบบไหนถึงจะใช่และดีที่สุดสำหรับตัวเอง เพราะแต่ละคนมีความคิดและเป้าหมายในชีวิตที่ต่างกัน พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะซิ่ว อดทนและขยันเข้าไว้ ความสำเร็จในชีวิตต้องใช้เวลาไม่ใช่ได้มาภายในวันเดียว ดังคำกล่าวที่ว่า “กรุงโรม ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว”
เรื่อง : ภานุวัฒน์ มานพ