Present |
Past |
Past Participle |
Say |
Said |
Said |
- Say ใช้ใน Direct และ Indirect speech เพื่อบอกว่า ใครพูดอะไรโดยข้อความหลัง Say ถ้าใส่เครื่องหมายคำพูดหมายความว่า เราถอดคำพูดของอีกบุคคลหนึ่งมาพูด (Direct Speech) แต่ถ้าไม่ใส่เครื่องหมายคำพูดแสดงว่า เราดัดแปลงคำพูดของผู้อื่นมาพูด (Indirect Speech) เช่น
Direct Speech : Tom said, “I have dinner with my wife.”
(ทอมพูดว่า “ผมดินเนอร์กับภรรยาของผม)
Indirect Speech : Tom said that he had dinner with his wife.”
(ทอมพูดว่าเขาดินเนอร์กับภรรยาของเขา)
**อ่านเนื้อหาเรื่อง Direct และ Indirect speech ได้ที่ >> เทคนิคการเปลี่ยนรูป Direct เป็น Indirect Speech แบบละเอียด ช่วยให้เล่าเรื่องได้คล่อง
- ส่วนใหญ่ Say จะใช้โดยไม่มีกรรมที่เป็นคน (Personal Object) เช่น
She said that she was teaching English online.
(เธอบอกว่าเธอสอนภาษาอังกฤษออนไลน์)
ข้อสังเกต : จะเห็นได้ว่าเราไม่ใช้ She said me….
- ถ้าต้องการใช้กรรมที่เป็นคน (Personal Object) หลัง Say ต้องตามด้วย Preposition ‘to’ เช่น
He said to us that he was sorry.
(เขาบอกพวกเราว่าเขาเสียใจ)
Prepositions ที่ใช้กับ Say คือ To และ That โดย to ใช้เพื่อแสดงว่าเราส่งสารไปที่ใครโดยตรง ดังนั้นถ้าจะมีกรรมเราจะใช้ Preposition ‘to’ เสมอ ส่วน That ใช้เพื่อแสดงถึงสารที่ส่ง เช่น
She said to me that she couldn’t go.
(เธอบอกกับฉันว่าเธอไปไม่ได้)
Present |
Past |
Past Participle |
Tell |
Told |
Told |
- Tell ใช้ในการให้ข้อมูลแก่ใครบางคนด้วยการพูดหรือเขียน
- ใช้ใน Direct และ Indirect speech
- เมื่อใช้ tell จำเป็นต้องมีกรรม เช่น
Please tell me your phone number.
(กรุณาบอกเบอร์โทรศัพท์ของคุณกับฉันหน่อย)
I’ll tell you something, Karaket.
(ฉันจะบอกบางสิ่งบางอย่างกับคุณ การะเกด)
Tom tells me his parents are moving to Rome.
(ทอมบอกฉันว่าพ่อแม่ของเขากำลังย้ายไปโรม)
- ใช้ในความหมาย สั่งสอน ให้ความรู้ หรือ บอกให้รู้ แจ้งให้ทราบ เท่านั้น เช่น
My boss told me that it was my last chance.
(หัวหน้าบอกว่า มันเป็นโอกาสสุดท้ายของฉันแล้ว)
- ใช้เพื่อบอกบางคนให้ทำบางสิ่งบางอย่าง (tell someone to do something) เช่น
My mother always tells me to study harder.
(แม่บอกฉันเสมอว่าให้ตั้งอกตั้งใจเรียนมาก ๆ)
- ห้ามใช้ it ตามหลัง tell ในการอ้างความเป็นจริง เช่น
I’ll tell you tomorrow.
(ฉันจะบอกคุณพรุ่งนี้)
ข้อสังเกต : เราจะไม่ใช้ว่า I’ll tell you it tomorrow.
- ‘to’ ใช้เมื่อต้องการสั่งหรือร้องขอบางสิ่งกับผู้ใดผู้หนึ่ง เช่น
The teacher told me to go home.
(คุณครูบอกให้ฉันกลับบ้าน)
- ‘about’ ใช้เมื่อต้องการบอกบางคนเกี่ยวกับบางสิ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้คน เช่น
She told us about her own experience.
(เธอบอกพวกเราเกี่ยวกับประสบการณ์ส่วนตัวของเธอ)
- ‘that’ ใช้เมื่อกำลังแสดงการกระทำหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถาวร เช่น
Did she tell you that she was pregnant?
(เธอบอกคุณว่าเธอท้องเหรอ)
Present |
Past |
Past Participle |
Talk |
Talked |
Talked |
- ใช้ในการพูดเกี่ยวกับหัวข้อทั่ว ๆ ไป
- เป็นคำพื้นฐานที่พูดถึงการสนทนาแลกเปลี่ยนหรือการสื่อสารกันอย่างไม่เป็นทางการ เช่น
I talked with my husband about child’s education.
(ฉันคุยกับสามีเกี่ยวกับการเรียนของลูก)
- โดยทั่วไปมักใช้ talk ใน Continuous Form เช่น
My friends are talking about me behind my back.
(เพื่อน ๆ ของฉันมักพูดถึงฉันลับหลัง)
- ‘to’ และ ‘about’ ใช้ ‘to’ เพื่อแสดงถึงคนที่เราส่งสารไปโดยตรง และ ‘about’ เพื่อแสดงถึงสารที่ส่งออกไป เช่น
I need to talk to you about our future.
(ฉันต้องพูดกับคุณเกี่ยวกับอนาคตของพวกเรา)
Present |
Past |
Past Participle |
Speak |
Spoke |
Spoken |
- Speak จะใช้ในการสื่อสารทางเดียว (One-way communication) และใช้ในการแลกเปลี่ยนเรื่องซีเรียสมาก ๆ หรือสถานการณ์ที่เป็นทางการ เช่น
The Prime Minister speaks on the Government House.
(นายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล)
- Speak เป็นคำทั่วไปที่ใช้พูดถึงเรื่องความรู้และใช้ในเรื่องของภาษา เช่น
Mr.Thanawat speaks three languages fluently.
(คุณธนวรรธน์พูด 3 ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว)
- Speak มีความเป็นทางการมากกว่า Talk
- ‘to…about…’ คือ ‘to’ เพื่อแสดงคนที่ส่งสารไปถึงโดยตรง และ ‘about’ เพื่อแสดงถึงสารที่ส่ง เช่น
I’ll speak to him about the matter.
(ฉันจะพูดกับเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น)
- ‘with’ ใช้เพื่อบอกว่าเรากำลังพูดกับใคร หรือคนคนนั้นพูดอย่างไร โดยปกติแล้วจะพูดถึงเรื่องสำเนียงของพวกเขา เช่น
She spoke with him for an hour.
(เธอพูดกับเขาเป็นชั่วโมง)
Kritsana speaks with a really strange accent.
(กฤษณะพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแปลก ๆ)