Be named after หมายถึง ตั้งชื่อตาม... ใช้พูดถึงว่าชื่อของ....ตั้งตามชื่อใครบางคน เช่น
Julia was named after her grandmother.
(จูเลียเป็นชื่อที่ตั้งตามคุณย่าของเธอ)
I named my son after my father.
(ฉันตั้งชื่อลูกชายของฉันตามชื่อคุณของพ่อน่ะ)
Bring somebody up / Bring up somebody ใช้พูดถึงการเลี้ยงดูใครคนหนึ่งจนกระทั่งเขาหรือเธอโตเป็นผู้ใหญ่ หรือใช้ในรูป Passive Voice ว่า ถูกเลี้ยงดูจนโตมา หรือ ใช้บอกว่าใครบางคน หรือถ้าในรูป somebody + verb to be + brought up + something จะหมายถึง ใครบางคนเติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมหนึ่ง เช่น
I was brought up by my grandparents.
(ฉันถูกเลี้ยงดูมาโดยคุณตาคุณยาย)
His grandmother brought his up.
(ยายของเขาเลี้ยงดูเขามา)
Karaket was brought up in the countryside.
(การะเกดเติบโตมาในชนบท)
ในยามตกหลุมรักเราใช้ fall in love แต่เมื่อผิดใจกัน ทะเลาะกันอาจถึงขั้นเลิกคบ เป็นหน้าที่ของสำนวน Fall out ที่สำคัญจำไว้ว่าทะเลาะหรือผิดใจกับใคร ต้องใช้กับ Preposition ‘with’ นะ เช่น
She often falls out with her husband.
(เธอทะเลาะกับสามีของเธอเป็นประจำ)
I left home after falling out with my parents.
(ฉันออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นหลังจากทะเลาะกับพ่อแม่)
Get along with หรือ Get on with ใช้พูดถึงการมีความสัมพันธ์หรือมิตรภาพอันดีกับใครบางคน พูดง่าย ๆ แบบไทย ๆ ว่า “เข้ากันได้” เช่น
I get along with the new girlfriend very well.
(ผมเข้ากับแฟนใหม่ของผมได้ดีมาก ๆ)
I don’t get along with that guy.
(ฉันเข้ากับนายนั่นไม่ได้)
Do you get on with your younger sister?
(คุณเข้ากับน้องสาวของคุณได้ดีไหม)
หมายถึง การใช้เวลาร่วมกัน ส่วนใหญ่มักใช้ในการชวนเพื่อน ๆ มาปาร์ตี้ เช่น
Let’s get together for a party.
(มางานปาร์ตี้กันเถอะนะ)
My family usually gets together at New Year.
(ครอบครัวของฉันจะใช้เวลาร่วมกันในช่วงปีใหม่อยู่เสมอ)
Grow apart หมายถึง ยุติความสัมพันธ์กับใครบางคนในระยะเวลาหนึ่ง ใช้ในความหมายว่าเมื่อคนเราโตขี้นแล้วแยกย้ายกันไปคนละทาง เช่น
As we got older we just grew apart.
(เมื่อพวกเราโตขึ้น พวกเราก็แค่แยกย้ายกันไปคนละทาง)
สำนวนนี้คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว หมายถึง เติบโต เช่น
I grew up in Bangkok.
(ฉันโตในกรุงเทพ)
It seems you’ve grown up.
(คุณดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ)
Our children have all grown up and left home now.
(ตอนนี้ลูก ๆ ของพวกเราโตเป็นผู้ใหญ่และออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว)
Look after หมายถึง ดูแล เช่นเดียวกับ Take care เพียงแต่ให้ความหมายลึกซึ้งกว่า เพราะ Look after เป็นการดูแลที่คนคนหนึ่งพึงกระทำต่ออีกชีวิตหนึ่งโดยอาจกินเวลาทั้งชีวิตเช่น แม่ดูแลลูก เช่น
I had to look after my little sister while my parents were away.
(ฉันดูแลน้องสาวตัวน้อยของฉันขณะที่พ่อแม่ออกไปข้างนอก)
It’s hard work looking after three children all day.
(มันเป็นงานหนักสำหรับการดูแลลูก 3 คนตลอดทั้งวัน)
Look up to เป็นวลีที่ใช้แสดงความเคารพรักและเลื่อมใสต่อบุคคล เช่น I look up to my mother. (ฉันเคารพรักคุณแม่ของฉัน)
Take after หมายถึง คล้ายคลึง ทำให้นึกถึง หากอยากจะบอกว่า ท่าทางเขาทำให้นึกถึงพ่อของเขา ให้ใช้วลี Take after นี้ได้เลยค่ะ เช่น She takes after her mother. (เธอคล้ายคลึงคุณแม่ของเธอ)
Tell off หมายถึง ดุ เช่น My father told me off for my behavior. (คุณพ่อดุฉันเรื่องพฤติกรรมของฉัน)
Settle down หมายถึง ตั้งถิ่นฐาน ตั้งรกราก มักใช้พูดแสดงถึงการเริ่มต้นชีวิตการแต่งงานเป็นหลักเป็นฐาน เช่น
He settled down to married life in his hometown.
(เขาแต่งงานตั้งรกรากอยู่ในบ้านเกิดของเขา)
Split หมายถึง แยก ดังนั้นวลีนี้เดาได้ง่าย ๆ เลยว่าหมายถึง เลิกรา แยกทางกัน เช่น
They split up after five years of marriage.
(พวกเขาแยกทางกันหลังจากแต่งงานกันได้ 5 ปี)
ได้ยินคำว่า Make up หลายคนคิดถึงการแต่งหน้า แต่วลีนี้ใช้ได้หลายความหมาย สำหรับในเรื่องความสัมพันธ์ Make up จะใช้ในความหมายว่า ง้อ หรือพูดถึงการให้อภัยซึ่งกันและกัน การกลับมาคืนดีกันหลังจากที่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เช่น
Why don’t you try to make up with her?
(ทำไมไม่ไปง้อเธอล่ะ)
Why don’t you two forget your differences and make up?
(ทำไมคุณสองคนไม่ลืมความแตกต่างกันและให้อภัยกันซะล่ะ)