ทั้ง e.g. และ eg มาจากคำว่า “exempli gratia” ต่างมีความหมายเหมือนกันคือ for example หรือแปลว่า “ยกตัวอย่าง” นั่นเอง การยกตัวอย่างในประโยคที่ใช้ e.g. นี้ อาจจะใส่ในวงเล็บหรือไม่ก็ได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
Thailand has many delicious foods (e.g.Tom yum Goong, Som Tom and Pad Thai).
(ประเทศไทยมีอาหารที่มีรสชาติอร่อยมากมาย เช่น ต้มยำกุ้ง, ส้มตำ และผัดไทย)
You should exercise for burning your calories, e.g. swimming, running and weight training.
(คุณควรออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงาน อย่างเช่น การว่ายน้ำ การวิ่ง และการเล่นเวท)
ในภาษาไทยเรา หากยกตัวอย่างแล้วยังมีตัวอย่างอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ยก ก็จะต่อท้ายด้วย ฯลฯ ซึ่งในภาษาอังกฤษจะใช้ etc. แทน ฯลฯ มีความหมายว่า และอื่น ๆ ซึ่ง etc. นี้ ย่อมาจาก “et cetera” เราลองมาดูตัวอย่างประโยคกันค่ะ
Durain, Mango, Mangosteen, etc. are Thai fruit.
(ทุเรียน, มะม่วง และมังคุด ฯลฯ คือผลไม้ไทย)
At the garden, I saw roses, orchids, jasmines, etc.
(ฉันเห็นดอกกุหลาบ ดอกกล้วยไม้ ดอกมะลิ และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สวนแห่งนั้น)
ข้อควรระวัง : เราจะไม่ใช้ etc. ในประโยคที่ใช้ e.g.
ตัวย่อนี้มาจากคำว่า “id est” ซึ่ง i.e.หรือ ie มีความหมายว่า กล่าวคือ หรือ นั่นคือ ใช้เพื่ออธิบายความหมายโดยการยกข้อความใหม่ขึ้นมาอธิบายเพื่อให้เข้าใจเนื้อหาที่กล่าวมาแล้วมากขึ้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
Tourists always come to Thailand in summer, i.e. from March to May.
(นักท่องเที่ยวมักจะมาเมืองไทยในช่วงฤดูร้อน นั่นคือ ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเมษายน)
The great festival of Chinese is Lunar New Year, i.e. Chinese New Year.
(เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ของชาวจีนคือเทศกาลปีใหม่ตามจันทรคติ กล่าวคือ วันตรุษจีนนั่นเอง)