หลวงพระบาง เมืองทางเหนือของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่วัฒนธรรมยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยวัดวาอารามเก่าแก่ โบราณสถาน ขนบธรรมเนียมประเพณีงดงาม พร้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงาม จนได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็น “เมืองมรดกโลก” ในปีพ.ศ. 2538 โดยมรดกโลกบางแห่งอาจได้ขึ้นทะเบียนเฉพาะเจาะจงในโบราณสถาน ธรรมชาติ แต่สำหรับหลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทั้งเมือง อีกทั้งหลวงพระบางยังได้รับการยกย่องว่าเป็น เมืองที่ได้รับการปกปักรักษาที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วย

เพียงแค่นี้ก็ทำให้หัวใจคนรักธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมสั่นรัวจนลั่นกดจองตั๋วเครื่องบินและที่พักเพื่อไปดื่มด่ำธรรมชาติ สัมผัสบรรยากาศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวลาว พร้อมปฏิบัติภารกิจในฝัน “ตักบาตรข้าวเหนียว” ในทริป “สบายดี หลวงพระบาง 3 วัน 2 คืน ดื่มด่ำธรรมชาติและวัฒนธรรมในเมืองมรดกโลก”

แม่ดอกลั่นทมพาระทึก

เปิดฉากการเดินทางด้วยแม่ลั่นทม สายการบินลาวแอร์ไลน์ ตัวเครื่องกะทัดรัดจุ๋มจิ๋มชนิดที่คุณลุงฝรั่งหุ่นร่วมร้อยกว่ากิโลต้องต่อสายเข็มขัดนิรภัยกันเลยทีเดียว....ในระหว่างบินอ้ายกัปตันพาซิ่งมีเอียงซ้าย เอียงขวา ลุ้นอยู่ชั่วโมงนิด ๆ ก็ได้ระทึกอีกทีตอน Landing เครื่องสั่นโคลงเคลงกึก ๆ ใจหวั่น ๆ แต่ทำได้แค่หันไปหัวเราะกับนักท่องเที่ยวสาวเท่จากออสเตรเลียที่นั่งข้าง ๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม : ดอกไม้ประจำชาติลาว คือ ดอกจำปาลาว หรือที่คนไทยรู้จักกันดีว่า ดอกลีลาวดี หรือ ดอกลั่นทม

สะบายดีหลวงพระบาง

ถึงจะมีจังหวะระทึกบ้าง แต่ก็ลงสู่สนามบินนานาชาติหลวงพระบางอย่างปลอดภัย หลังจากยื่นเอกสารกับทางต.ม.ลาวสำรวจหน้าตาเรียบร้อย ก็ขึ้นรถตู้ที่ทางโรงแรมส่งมารับ สำหรับการขับรถที่ประเทศลาวจะขับพวงมาลัยซ้ายนะ นั่งมองข้างทางเพลิน ๆ ไม่เกิน 20 นาทีก็ถึงโรงแรมเมืองทอง โรงแรมระดับ 4 ดาวของสายการบินลาวเองด้วย

ชมวัด...อิ่มบุญ

หลวงพระบางได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้วยเพราะเป็นเมืองที่มีวัดเก่าแก่มากมาย และ 4 วัดเด่น ๆ เป็นไฮไลท์ห้ามพลาด คือ
วัดเชียงทองวรวิหาร วัดสำคัญและมีความงดงามที่สุดจนนักโบราณคดียกย่องว่าเป็นดั่ง “อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว”
วัดวิซุนราช หรือวัดหมากโม วัดที่แปลกกว่าวัดอื่น ๆ ตรงที่มีพระธาตุหมากโมตั้งเด่นเป็นสง่าเห็นได้แต่ไกล ซึ่งชื่อหมากโมนี้มาจากลักษณะของทรงพระธาตุที่มีรูปร่างคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง
วัดใหม่สุวันนะพูมาราม หรือที่คนหลวงพระบางเรียกว่า วัดใหม่เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชลาวมาก่อน ปัจจุบันใช้เป็นโรงเรียนปริยัติธรรม ของหลวงพระบางใหม่
วัดแสนสุขาราม เป็นวัดเดียวที่มีพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ องค์เดียวในเมืองหลวงพระบาง
 

นอกจาก 4 วัดเด่นนี้แล้ว วัดอื่น ๆ ก็มีความงดงามและเสน่ห์ในตัวเอง ตั้งเรียงรายตลอดทางสามารถเดินแวะเข้าชมได้อย่างสะดวก บางวัดเชื่อมติดกันสามารถเดินเข้าวัดนึงไปทะลุออกอีกวัดนึงได้เลย

ข้อควรระวัง :  การเข้าชมวัดที่หลวงพระบาง สำคัญเลยคือต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย หากใครนุ่งสั้นจะมีบริการให้เช่าซิ่นใส่ในราคา 5,000 กีบ และหากเป็นวัดดัง ๆ จะคิดค่าเข้าชมในราคา 20,000 กีบด้วย

ชมวัง....อิ่มใจ

พระราชวังเก่าหลวงพระบางเป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสผสมผสานกับลาว ในอดีตเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ จนสิ้นพระชนม์ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2518 พระราชวังหลวงพระบาง ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติศาสตร์ของหลวงพระบาง โดยแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ มีข้าวของเครื่องใช้ของและรูปหล่อครึ่งองค์ของเจ้ามหาชีวิตอุ่นคำ เจ้ามหาชีวิตสักรินทร์ เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา ด้วย
 

ภายในรั้วพระราชวังตรงประตูทางออกจะมี หอพระบาง ซึ่งประดิษฐาน พระบาง พระคู่บ้านคู่เมือง ให้ขึ้นไปกราบสักการะขอพรได้ แต่ห้ามถ่ายรูปเช่นกัน

พระราชวังจะเปิดให้เข้าชมเป็นเวลา คือ ช่วงเช้า 8.00 - 11.30 น. ช่วงบ่าย 13.30 – 16.00 น. จากคำบอกเล่าของคนพื้นที่บอกว่า “ที่ต้องปิดพักก็เพื่อให้พนักงานพักกินข้าว ซึ่งถ้ายังเปิดให้เข้าชมจะไม่มีคนเฝ้า กลัวของจะหาย เนื่องจากข้าวของในพระราชวังหลาย ๆ ชิ้นเป็นทองคำแท้ ๆ” ค่าเข้าชม 30,000 กีบ (120 บาท)

ข้อควรระวัง : ภายในพระราชวังห้ามถ่ายรูป จึงห้ามนำกล้อง มือถือ และกระเป๋าสัมภาระทุกสิ่งเข้าไป ให้เข้าไปได้แต่ตัว และเก็บภาพความประทับใจด้วยตาเท่านั้น ส่วนข้าวของต่าง ๆ ให้เก็บไว้ในล็อกเกอร์
 

ไหว้พระธาตุ บอกลาพระอาทิตย์ บนยอดภูสี

มาหลวงพระบางถ้าไม่ขึ้นไปไหว้พระธาตุภูสี ชมวิวหลวงพระบาง 360 องศา และบอกลาพระอาทิตย์บนยอดภูสี จุดชมวิวที่สวยที่สุดในหลวงพระบางแล้วถือว่ามาไม่ถึง

ภูสี เป็นภูเขาขนาดเล็ก สูงจากพื้นดินประมาณ 150 เมตร อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังเก่าหลวงพระบาง ด้านบนเป็นที่ตั้งของพระธาตุจอมสีที่สามารถมองเห็นประกายสีทองขององค์พระธาตุยามต้องแสงแดดได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของหลวงพระบางก็ตาม

ทางเดินขึ้นยอดภูสีเป็นบันไดคดเคี้ยว 328 ขั้น ช่วงเวลาขึ้นที่ดีที่สุดสัก 4-5 โมงเย็นกำลังดี แดดร่มลมตก ค่อย ๆ เดินขึ้นไป พกน้ำขวดเล็กไว้จิบยามกระหายด้วย เมื่อขึ้นถึงยอดภูสี ไหว้สักการะพระธาตุ ชมวิวเมืองหลวงพระบางแล้ว ก็รอดูพระอาทิตย์ค่อย ๆ ลาลับหลังเขาริมฝั่งแม่น้ำโขง

 

ประเพณีงดงาม...ตักบาตรข้าวเหนียว

เปิดฉากวันที่ 2 กับสิ่งที่พลาดไม่ได้ในเมืองมรดกโลกแห่งนี้ คือ ตักบาตรข้าวเหนียว...ตี 5 นิด ๆ ชาวเมืองหลวงพระบางจะออกมาเตรียมพร้อมรอใส่บาตรกันตามริมทางเดินหน้าบ้าน สำหรับนักท่องเที่ยวก็สามารถหาซื้อของใส่บาตรจากคนพื้นที่ที่ตั้งโต๊ะขายชุดใส่บาตรพร้อมปูเสื่อไว้ให้เรียบร้อย ชุดใส่บาตรราคา 100 บาท ประกอบด้วย ข้าวเหนียว 1 กระติ๊บ และขนม 1 ถาด (บิสกิตประมาณ 10 ห่อ) เท่าที่สังเกตคนพื้นที่ส่วนใหญ่จะมีแค่ข้าวเหนียวมาใส่บาตรเท่านั้น หรือถ้าจะมีนอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นขนมมากกว่าอาหารกระป๋องหรืออาหารสำเร็จรูป

การเดินบิณฑบาต พระท่านจะมาทีละวัด วัดละประมาณ 10-20 รูป เดินแถวเรียงหนึ่ง เวลาใส่บาตรเราจะนั่งกับพื้น หรือหากเป็นคนเฒ่าคนแก่จะนั่งเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ  

 

ข้อควรระวัง : ทางหลวงพระบางรณรงค์ขอความร่วมมือให้รักษาขนบธรรมเนียมอันงดงาม โดยขอให้ใส่บาตรด้วยใจอย่างสุภาพ สำรวม ไม่โพสต์ท่าทางถ่ายรูปขณะใส่บาตร (ห้ามลืม! สิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรพกติดตัวไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตามคือ กาลเทศะ)

ธรรมชาติฉ่ำใจ...ตาดกวางสี

ตาดกวางสี หรือ น้ำตกกวางสี (ตาดในภาษาลาว หมายถึง น้ำตก) ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 32 กิโลเมตร การเดินทางหากเหมารถรับจ้างไปสะดวกที่สุด ราคาประมาณ 1,500 บาท (ราคารวมไป-กลับน้ำตก พร้อมทั้งพาชมเมืองไปยังจุดท่องเที่ยวอื่น ๆ) นั่งรถกินลมชมวิวสองข้างทางจะได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านทำไร่ ทำนา ทำสวน สลับกับป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์ ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงอุทยานตาดกวางสี ซึ่งต้องจ่ายค่าเข้าชม 20,000 กีบ (80 บาท)

ตรงทางเข้าน้ำตกจะมีศูนย์อนุรักษ์หมีให้แวะเที่ยวชมก่อน หมีเหล่านี้เป็นหมีที่ได้รับการช่วยเหลือจากการค้าสัตว์ป่าในประเทศลาว น้องหมีแต่ละตัวดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี นั่นเป็นเพราะส่วนหนึ่งของค่าเข้าชมที่นำมาดูแลหมีนั่นเอง

ตาดกวางสีมีทั้งหมด 4 ชั้น และด้วยเป็นน้ำตกหินปูนจึงทำให้น้ำตกมีสีเขียวมรกต ที่นี่จะแบ่งโซนสำหรับเล่นน้ำได้และไม่ได้ เนื่องจากบางจุดอาจเกิดอันตรายได้ง่าย และจุดไฮไลท์ คือ สะพานที่ฉากหลังเป็นยอดน้ำตก ถ้าเดินไปถึงก็ถือว่ามาถึงแล้วนะตาดกวางสี
 

เพลิดเพลินช้อปปิ้ง

ตลาดมืด (night market) แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ ที่ตกเย็นประมาณ 17.00 น. ถนนบริเวณหน้าพระราชวังเก่าทอดยาวไปตลอดเส้นทาง พ่อค้า-แม่ค้าชาวหลวงพระบางจะนำสินค้า ของที่ระลึก เช่น เสื้อยืดสกรีนภาษาลาว เครื่องเงิน ผ้าทอ ร่ม สมุดบันทึก มาวางขาย โดยสามารถจ่ายเป็นเงินบาทไทยได้
 

อาหาร...อิ่มท้อง

ข้าวเปียก อาหารขึ้นชื่อเมืองหลวงพระบาง หน้าตา รสชาติ คล้าย ๆ ก๋วยจั๊บญวน แต่พิเศษตรงที่ใส่ไข่พร้อมความใส่ใจของแม่ครัว

บุฟเฟ่ลาว...อาหารยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มักมาฝากท้องในยามค่ำที่ตลาดกลางคืน บุฟเฟ่ลาว คือ ข้าวราดแกงดี ๆ นี่เอง แต่เด็ดตรงจ่ายไป 10,000 กีบ (40 บาท) แล้วจะได้ถ้วยโฟมใบใหญ่มาให้เราเลือกตักกับข้าวที่มีหลากหลายชนิดราดข้าวเอาตามใจชอบ จะตักกี่อย่าง ตักมากเท่าไรเชิญตามสบาย จากนั้นก็ส่งให้แม่ค้าไปอุ่น โดยจะเททุกอย่างลงไปผัดรวมกันในกระทะ ใส่ซอส ตักใส่ถ้วยใบเดิมให้เรากลับมากิน
 

ข้อควรระวัง : ใครจะลองเมนูนี้ขอให้มั่นใจในสุขภาพความแข็งแรงของระบบท้องไส้ด้วยนะคะ

ห้ามพลาด! ร้านประชานิยม

ร้านประชานิยม ร้านกาแฟยอดนิยมที่คนมาหลวงพระบางต้องมาฝากท้องในมื้อเช้าเคล้าบรรยากาศริมฝั่งโขง มีเมนูให้เลือกหลากหลายทั้งกาแฟ โอวัลติน ไข่ลวก ปาท่องโก๋ เฝอ หรือจะสั่ง บาแก็ต (ขนมปังฝรั่งเศสผ่ากลาง ใส่ไส้ทั้งหมูหยอง มายองเนส หมูยอ มะเขือเทศ ไข่ทอด) จากร้านข้าง ๆ มาลิ้มรสด้วยก็ยิ่งดี
 

โบกมือลาหลวงพระบาง

เนื่องจากสายการบินลาวลดจำนวนไฟล์ทบิน ทำให้เหลือไฟล์ทเช้าเท่านั้น จึงต้องเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อบินเวลา 7.40 น. ทีแรกแอบคิดว่าขาดทุน ไม่ได้กินมื้อเช้าของโรงแรม แต่ปรากฎว่าทางโรงแรมทำแซนด์วิชชิ้นใหญ่ให้คนละชิ้นมากินที่สนามบินด้วย ประทับใจมาก บอกเลยว่าถ้าใครจะไปหลวงพระบาง แนะนำโรงแรมเมืองทองเลยจ้า
 

หลวงพระบาง เมืองเล็ก ๆ สามารถเดินเที่ยวชมได้ เต็มไปด้วยเสน่ห์ ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตเรียบง่าย เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย มีป้ายห้ามสูบบุหรี่ติดอยู่แทบทุกที่ ไม่มีคนเดินสูบบุหรี่ทำลายบรรยากาศ เมืองที่ยังรักษาขนบธรรมเนียมไว้ได้อย่างดี ไม่มีร้านสะดวกซื้อแบรนด์ดัง ไม่มีร้านอาหารจังก์ฟู้ด มองด้วยตาหลวงพระบางอาจยังไม่เจริญด้านวัตถุ แสงสี....แต่สัมผัสได้ด้วยใจว่าเจริญด้วยขนบประเพณีและวัฒนธรรมอันงดงาม

กำไรของทริป

โชเฟอร์รถรับจ้างที่เหมาไปน้ำตกตาดกวางสีนำเสนอพาไปชม วัดป่าโพนเพา ที่ในทัวร์ไหน ๆ ก็ไม่มีอยู่ในโปรแกรม น่าแปลกมาก ทั้งที่เป็นวัดที่มีความสวยงาม ทางขึ้นวัดสองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นจำปาลาว ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติลาว ถ้าเป็นช่วงที่ออกดอกบานสะพรั่งจะงดงามมาก ๆ เมื่อขึ้นมาถึงตัววัดมีโบสถ์ใหญ่เด่นตระหง่าน ที่สำคัญยังได้ชมวิวหลวงพระบางในมุมตรงข้ามกับยอดพระธาตุภูสีอีกด้วย