มันแน่นอนอยู่แล้ว ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ทักษะการอ่านดีขึ้นเท่านั้น และเนื่องจากเราต้องใช้เวลากับการอ่านมากพอสมควร ดังนั้นหาเหตุผลที่เราต้องพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษให้มาก เช่น ลงครอสเรียนภาษาอังกฤษ, ตั้งเป้าหมายจะเป็นนักแปล เป็นต้น แล้วค้นหาหนังสือที่เรารู้สึกว่าสนุกกับการอ่านจริง ๆ เช่น นิทาน, วรรณกรรมเยาวชน, นิตยสารแนวที่ชื่นชอบ มาฝึกอ่านให้มาก ๆ จำให้ขึ้นใจว่า “ยิ่งอ่านมากการอ่านยิ่งดีขึ้น”
สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ เรียนรู้คำศัพท์และวลีให้มาก โดยหาความหมายของมัน วิธีง่าย ๆ ใช้กันมากคือ นึกภาพตามบริบทที่อยู่โดยรอบของคำนั้น ทั้งประโยคที่อยู่ข้างหน้าและตามหลัง จากนั้นตรวจสอบจากดิกชันนารี, ถามครู-อาจารย์ หรือเพื่อนที่เก่งภาษาอังกฤษ
และที่สำคัญไม่แพ้กับการหาความหมายคือ การจำคำศัพท์และวลีนั้น ๆ โดยเราอาจเขียนคำศัพท์หรือวลีเหล่านั้นลงในสมุดโน้ต หรือทำแฟลชการ์ด
อ่านเทคนิคการจำคำศัพท์เพิ่มเติมได้ที่ >> เทคนิคการจำคำศัพท์ง่าย ๆ จำได้แม่น
อีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยเสริมพลังเรื่องคำศัพท์คือ การเลือกอ่านเรื่องราวที่มีเนื้อหาคล้าย ๆ กันให้มาก เช่น ถ้าเรามีความสนใจเรื่องไวน์ ก็ลองหาบทความเกี่ยวกับเรื่องไวน์สัก 5 บทความมาอ่าน ทั้งต้นกำเนิดของไวน์ การผลิตไวน์ หรือจะความแตกต่างระหว่างไวน์ขาวและไวน์แดง มันจะทำให้เราได้เจอคำศัพท์และวลีเดียวกันซ้ำ ๆ ยิ่งช่วยย้ำให้จำได้มากขึ้น
การอ่านไม่ได้มีทักษะเดียว แต่มีหลากหลายทักษะในการอ่าน เช่น Skimming (การอ่านแบบสกิมมิ่ง) คือ การอ่านข้อความอย่างเร็ว ๆ อ่าน 2-3 คำแรก หรือ 2-3 ประโยคแรกแล้วข้ามไป, การอ่านเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง, อ่านเพื่อความสนุกกับเรื่องราว, อ่านเพื่อค้นหาความรู้สึกที่แท้จริงของใครบางคนว่าพวกเขาเขียนสื่อข้อความว่าอย่างไร
เราไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญหรือเป็นเลิศในทักษะการอ่านทั้งหมดนี้หรอก แต่จำไว้ว่าเราต้องฝึกฝนในแต่ละทักษะแยกกันถ้าอยากจะเก่งในทักษะต่าง ๆ เหล่านั้น เช่น ถ้าเราอ่านนิยายทุกวัน มันอาจจะไม่ง่ายนักที่เราจะเข้าใจข้อความของเพื่อน ๆ บนโซเชียลมีเดีย